สำหรับสาวๆที่อยากมีใบหน้าขาวใสเรียบเนียนลดลอยสิวด้วยวิธีง่ายๆสามารถทำเองได้ที่บ้านสาวๆคนไหนสนใจรองทำดูนะคร้า....เราเป็นผู้หญิงยุคใหม่อย่าหยุดสวย

วันพุธที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2556

8ข้อ...กับวิธีสับรางจ้า


1. ถ้าต้องโทรหาใครที่ไม่ใช่แฟน ห้ามลืมลบเบอร์ออกทุก ครั้งหลังวางสาย เพราะถ้าท่านเจ้าพ่อเจ้าแม่ประจำหิ้งมาเจอ เมื่อไหร่ อาจกลายเป็นศพไร้ญาติ 
2. ตีหน้าเศร้า เล่าความเท็จ จงจำให้แม่น ถึงจับได้คาหนังคาเขา ก็ปฏิเสธไว้ก่อนพ่อสอนไว้ 
3. ถ้าคิดจะออกนอกลู่นอกทาง ต้องรอบคอบ เตี้ยม กับเพื่อนให้ดี เดี๋ยวโดนจับได้พลาดไปซวยหมู่ 
4. เวลารับโทรศัพท์จำเสียงให้ดี ทักผิดเมื่อไหร่ บรรลัยแน่นอน!!!! 
5. โกหกอะไรไว้ จงจำให้มั่น เพราะอาจถูกคั้นให้ตายได้ง่ายๆ ( คดีนี้มีแล้วนะ มีกระทาชายนายหนึ่ง แอบไปกุ๊กกิ๊กกับสาวนิรนาม พอกลับบ้านมาถูกซักประวัติจากนายทะเบียน ก็แฟนเค้านั่นละ ขี้หึงสุดยอด แต่กระทาชายนายนี้ก็จำข้อ 2 ได้อย่างขึ้นใจ ตีหน้าเศร้า เล่าความเท็จ เลยรอดตัวไป แต่ขอบอก คว้างงูไม่พ้นคอ เพราะสาวเจ้ากรรม ช่างจำช่างจด 2 ปีให้หลังกลับมาถามอีก เมื่อคืนวันนั้น ไปอยู่ไหนมา กระทาชายนายนี้เป็นอัลไซเมอร์ไปชั่วขณะ อ้ำๆอึ้งๆ โกหกไว้เยอะ เลยตอบผิดชายคนนี้นี้จึงเป็นศพไป ) 
6. ไปเที่ยวกับแฟน อย่าได้เผลอเมา เพราะเหล้ามักทำลายต่อมตอแหล โดนเซ้าซี้ถามความจริงตอนเบลอๆ อาจเผลอตอบไปไม่รู้ตัว 
7. เพจเจอร์อย่าคิดใช้ เพราะถ้าเช็คเจอเมื่อไหร่ก็ตายเมื่อนั้น ถ้าคิดจะใช้ควรมีเท่าจำนวน members ....เข้าใจนะจ๊ะ 
8. ใครไปที่ไหน ถามไถ่ให้ดี เป็นเรื่องทุกทีเมื่อรถไฟชนกัน ถ้าเกิดทำได้ครบ 8 ข้อนี้ละก็ รับรองมะกอก 3 ตะกร้าปาไม่ถูกแน่นอน แต่ถ้าคนไหนมีแฟนชนิดขี้หึงเข้าสายเลือด ควรพึงระวังไว้ให้ดี เพราะเหมือนคุณพกระเบิดเวลาพระเอกนางเอกคน หลายใจมีหวังตายตอนจบ ! 
ไว้กับตัว ถ้าเธอหาชนวนเจอเมื่อไหร่ 

วิธีด่าทางอ้อม


1. เธอนี่สวยยังไง สวยยังงั้น...ไม่สวยยังไง ไม่สวยยังงั้น
2. สวยมาแต่ไกลเลย แต่ทำไมใกล้ๆแล้วไม่สวยวะ
3. สวยเหมือนลูกครึ่ง...ครึ่งผีครึ่งคน
4. สวยปลาสลิด (เวลากินปลาสลิด เขาตัดหัวปลาทิ้ง สังเกตมั้ย)
5. ชั้นอยากจะบอกว่าเธอสวยนะ แต่ชั้นทำใจไม่ได้จริงๆ
6. เธอสวยที่สุด..ในวัด (มีแต่พระกับเณร)
7. สวยปานศิลปินวาดไว้ ภาพแอ็บสแทร็ค
8. สวยไม่ฟังคำติฉินนินทา
9. เค้าว่ากันว่าตักบาตรด้วยดอกไม้ ชาติหน้าจะเกิดสวย เธอน่าจะตักบาตร ด้วยปากคลองตลาดเลยนะ
10. ถ้ามีคนสวยอย่างเธอซักร้อยคน โลกคงวุ่นวายน่าดู ผู้คนคงล้มตายกันเกลื่อน ต้นไม้ต้นไร่ตายยกโคตร เกิดกลียุดเป็นแน่
11. สงกรานต์นี้มีใครเค้ามาสาดน้ำเธอบ้างมั้ย หรือมีแต่มาดำหัว
12. ถ้าเธอจมูกโด่งอีกนิด ปากบางกว่านี้อีกหน่อย สิวไม่เยอะอย่างนี้ เธอต้องสวยมากแน่ๆ น่าเสียดายที่มันเป็นไปไม่ได้
13. เธอนี่สวยแบบคิดมาแล้ว (เหลือจากคัดอีกที)
14. เป็นคนไม่สวยกับเป็นคนบ้าคิดว่าตัวเองหน้าตาดี
ชั้นเลือกอย่างแรกนะ เธอก็น่าจะทำอย่างชั้นบ้าง
15. เธอสวยจนคนอื่นเค้าไม่อยากสวยไปด้วยเลย
16. สวยไม่บอกไม่รู้
17. ความสวยไม่คงที่ ความดีสิคงทน ชั้นถึงอยากให้เธอทำความดีมากๆ
จะได้มีดีกับเค้าบ้าง
18. คนจะงาม งามน้ำใจ ใช่ไบหน้า เพราะฉะนั้น ชั้นก็ว่าเธองามได้
19. สวยไม่แคร์เพื่อนร่วมโลก
20. ไอ้ที่คนเค้ามองเธอเวลาเธอเดินไปไหนมาไหนน่ะ
ไม่ใช่เพราะสวยหรอกนะ เพราะแปลกย่ะ อีอุบาทว์ อุ๊ย!!! ชั้นคงไม่ได้พูดแรงไปใช่มั้ย

วันอังคารที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2556

เขียนคิ้วผู้ชาย แบบสามมิติ


เป็นวิธีการเขียนคิ้วสำหรับผู้ชาย ให้ดูไม่ปลอม ให้ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด
เนื่องจาก คนปกติส่วนมากแล้วที่อยู่ในสภาพเพศชาย มักเขียนคิ้วแบบ ฆ่าตัวเองทางอ้อม
เขียนแล้วปลอมมากๆ ดูรู้เลยว่า เขียนคิ้วมา ก็เลยอยากจแชร์วิธีการเขียนคิ้วที่เขียนแล้วไม่ทำร้ายตัวเอง
ซึ่งวิธีการเขียนค่อนข้างจะยากหน่อยนึงนะ
อุปกรณ์
1 อายไลเนอร์แบบพู่กัน หัวแหลมๆ ยิ่งแหลมยิ่งดี
แนะนำ maybelline hypersharp liner

ตัวนี้หัวแหลมเขียนดีมาก ราคาอยู่ที่ประมาณ 200 กว่าบาท

2 แปรงปัดขนคิ้ว


3 มาสคาร่าปัดขนตาสีดำ (สำหรับคนที่อยากให้คิ้วเข้มมากยิ่งขึ้น)


วิธีการ
1 ใช้แปรงปัดคิ้ว ปัดไปที่เส้นคิ้วก่อนเขียน เพื่อให้คิ้วไม่ยุ่งเหยิง
2 เขียนคิ้วด้วยอายไลน์เนอร์ คือ เขียนเป็นเส้นๆ ไปตามเเนวขนคิ้วบริเวณที่คิ้วเเหว่งหายไป
3 ใช้มาสคาร่าปัดขนตา มาปัดคิ้ว เพื่อให้คิ้วเข้มขึ้น
นี่คือ ภาพที่เขียนเสร็จแล้ว before - after

วิธีเพ้นเล็บด้วยตัวเอง
























วิธีบอกรักคนที่เราแอบชอบ

10วิธีบอกรักคนที่เราแอบชอบ
  • 1. Love message ส่งแมสเสจบอกรัก วิธีนี้เบสิกสุดๆแล้ว ลองพิมพ์คำว่า "รักนะ" พร้อมการ์ตูนน่ารักๆ ส่งเข้ามือถือเขา อ้อ ! แต่ห้ามลงชื่อนะ...เขาจะได้สงสัยว่าเป็นใครทีนี้พอเขาโทรกลับมาก็ร้องเย้ได้เลย 
  • 2. Love Letter วิธีเหมาะสำหรับคนที่ต้องการบรรยากาศแบบคลาสสิก มองหากระดาษสวยๆ หอมๆ มาเขียนความรู้สึกของตัวเองลงไปให้เขากันดีกว่า ไม่แน่เขาคนนั้นอาจชอบวิธีนี้ก็ได้ เริ่ด !แบบคลาสสิกนะจะบอกให้ 
  • 3. Friend Messenger ฝากเพื่อนไปบอก เหมาะสำหรับคนที่ไม่กล้าส่งแมสเสจ หรือไม่ชอบวิธีเขียนจดหมาย ฝากเพื่อนสนิทไปบอกเขาแทนก็ได้ แต่ต้องตกลงกันดีๆล่ะ ว่า..ใครรักใคร เขาจะได้ไม่งง ว่าแม่สื่อชอบหรือเราชอบกันแน่ 
    4. Chocolate การให้ช็อกโกแลตก็สื่อถึงความรักได้นะ ถ้าจะให้ดีต้องมอบให้เขาวันวาเลนไทน์ รับรองว่าได้ผล 100%ชัวร์ๆ หรือถ้าคิดว่าเขาคนนั้นไม่น่าจะชอบช็อกโกแลตก็เปลี่ยนเป็นคุ้กกี้ก็ได้นะจ๊ะไม่ว่ากัน 
    5. Lovely Card ส่งการ์ดบอกรักผ่านอีเมล เดี๋ยวนี้เขามีการ์ดน่ารักๆ เป็นตัวการ์ตูนแอนนิเมชั่นเยอะแยะ เลือกการ์ดน่ารักๆ ความหมายดีๆสักอัน แล้วส่งเข้าเมลให้เขาไปเลย...เนียนๆ 
    6. Make A Smile ยิ้มให้เขาทุกครั้งที่เจอหน้า เคยได้ยินไหม...คนที่ยิ้มแย้มแจ่มใส มักเป็นคนที่ใครๆ ก็อยากเข้ามาทำความรู้จัก ยังไงก็ทำตัวเป็นมิตรไว้ก่อน ยิ้มสวยๆ ล่ะ ไม่ใช่ยิ้มแบบ แกเสร็จฉันแน่ ! แล้วเขาจะงงว่ารู้จักกันด้วยหรอ อย่างน้อยเขาต้องจำหน้าสวยๆ ของเราได้แน่ และนี่จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราไม่เป็นคนแปลกหน้าสำหรับเขาแล้ว 
    7. My Sweets หากต้องกว่าวิธีที่หวานกว่านี้ล่ะก็ แนะนำว่าให้ทำขนมบัวลอยไปให้เขากินเลย เทคนิคคือปั้นแป้งบัวลอยให้เป็นรูปหัวใจ เลือกสีหวานๆ ใส่น้ำตาลเยอะๆ กินไม่ได้ไม่เป็นไร แต่รับรองงานนี้ต้องหวานจนน้ำตาลยังอายเลยเอ้า แต่ต้องมั่นใจในฝีมือหน่อยนะ ถ้าเชลล์ชวนอ้วก อย่าริทำวิธีนี้เป็นอันขาด 
    8. CD In Love หากวิธีข้างบนยังถือว่ายากเกินไป ก็ต้องนี่เลย...ซีดีเพลงรักทั้งหลายที่ร้องบรรยายความรู้สึกเอาไว้ในเพลง แบบว่าฟังเพลงไหนก็ใช่เลย รักเขาแบบนี้เลย นั่นแหละ...ไปซื้อซะ แล้วหาจังหวะเหมาะๆ เอาไปซ่อนในหลืบไหนก็ได้ที่เขาจะเห็น ต้องเห็นนะ ไม่ใช่แอบซะจนมองไม่เห็น อันนี้ก็จะอดกันพอดี แล้ววันต่อมาค่อยโทรไปเช็คว่าเพลงที่เราเลือก สามารถไต่ลำดับชาร์ตติดอันดับในหัวใจเขาได้ไหมน้อ... 
    9. In The Movie For Love เคยดูหนังเกาหลีเรื่อง Calla ไหมจ๊ะ นางเอกชอบเอาดอกไม้ไปวางไว้ที่โต๊ะทำงานของพระเอกทุกวัน จากนั้นก็โทรมาเปิดเพลงบรรเลงน่ารักๆ ให้ฟังทุกเช้า เฮ้ย...ถ้าจะให้เราทำอย่างนั้นทุกวันก็คงไม่ไหวนะ เอาอย่างนี้ดีกว่า เปลี่ยนจากดอกไม้มาเป็นลูกอมรูปหัวใจ แล้วเอาไปวางที่โต๊ะเขาทุกวันแทนก็แล้วกัน...น่ารักดีนะ 
    10. Gift For You วิธีสุดท้ายนี้เป็นไม้ตายสุดท้าย ที่อาจต้องลงทุนหน่อย แต่ก็น่าจะได้ผลดีกว่านะ ต้องรอให้ถึงฤดูหนาวก่อนนะ แต่ต้องรีบหน่อย เพราะบ้านเราหวานไม่กี่วันเอง โดยการเลือกซื้อเสื้อกันหนาวสวยๆ ให้เขาสักตัว ตัวไหนก็ได้ที่คิดว่าเท่กว่าเสื้อหนาวเน่าๆ ที่เขาเคยใส่ ให้เป็นของขวัญปีใหม่ซะเลย แล้วตอนห่อของขวัญก็เสกคาถาลงไปด้วย "โอม..สมหวัง โอม..สมหวัง" อย่าลืมเลือกกระดาษเป็นรูปหัวใจสีแดงล่ะ ...เป็นการบอกนัยๆ ว่ารูปหัวใจมันหมายถึงความรักที่รามีต่อเขายังไงล่ะ 

วันพุธที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ตารางสอบ ของการตลาด 4-3 นะจร้า ตั้งใจอ่านสือกันได้แล้วนะเพื่อนๆ



ตารางสอบกลางภาค/ปลายภาค

ตารางสอบ
รหัสวิชาชื่อรายวิชากลุ่มสอบกลางภาคสอบปลายภาค
  1211005  English Conversation
สนทนาภาษาอังกฤษ
1--
  5211318  E-Marketing
การตลาดอิเล็กทรอนิกส์
2(C) 24 ก.ค. 2556
เวลา 13:00-15:30 
(C) 30 ก.ย. 2556
เวลา 13:00-16:00ห้อง 000
  5211422  Marketing Management
การจัดการการตลาด
2(C) 29 ก.ค. 2556
เวลา 13:00-15:30 
(C) 3 ต.ค. 2556
เวลา 13:00-16:00ห้อง 000
  5211423  Marketing Research
การวิจัยการตลาด
2(C) 25 ก.ค. 2556
เวลา 09:00-11:30 
(C) 1 ต.ค. 2556
เวลา 09:00-12:00ห้อง 0000

หมายเหตุ   C = Lecture  L = Lab  R = ประชุม  S = Self Study  T = ติว

วันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

8 วิธี รัก อย่างไร ไม่ให้ตัวเองเป็น “ของตาย”

8 วิธี รัก อย่างไร ไม่ให้ตัวเองเป็น “ของตาย”
           เราต่างก็รู้ว่าคน รัก กันความซื่อสัตย์ต้องมาอันดับ 1 เสมอ แต่ถ้า รัก กันมานานแล้วชีวิตเรียบง่ายเกินไปมันก็ใช่ว่าจะดี เมื่อระยะเวลาของความรักยังคงแปรผันตรงกับความเมื่อหน่ายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วเราจะมามัวทำตัวเรียบๆ ตลอดเวลาได้อย่างไร ถ้าไม่อยากถูกเรียกว่าเป็น ของตาย ของใคร ก็ต้องลองสะกิดหัวใจเขาด้วยวิธีค้นๆ แบบนี้ล่ะ
 หัดไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง
หลายคนพอมีคู่รักแล้วมักจะตัดขาดกับเพื่อนฝูงราวกับชีวิตนี้ไม่ต้องมีใครแล้วก็ได้ เพื่อนชวนไปเที่ยว ช้อปปิ้ง ดูหนังก็เบี้ยวเพื่ออยู่ร่ำไประวังเถอะสุดท้ายจะไม่เหลือใครถ้ามัวแต่คอยเกาะแฟนแจขนาดนี้การมีเพื่อนทำให้ชีวิตคุณสดใสไม่หยุดนิ่งกับที่ ยิ่งไปไหนกับเพื่อนๆ โดยไม่มีแฟนก็ยิ่งเป็นการบริหารเสน่ห์ให้ตัวคุณได้มากโขและจะทำให้เขากังวลถึงคุณมากขึ้นอีกด้วย ดีมั้ยล่ะ!

คุยกับหนุ่มคนอื่นบ้าง
ทีเขายังมีเพื่อนผู้หญิงได้เลย จะมัวไปคอยตามหึงตามหวงเขากับเพื่อนสาวทำไมกัน คุณเองก็มีเพื่อนต่างเพศได้เหมือนกันนะ ลองเปิดใจมีเพื่อนผู้ชายไว้บ้างก็ได้ แค่อย่าคิดอะไรเกินเลยเท่านั้นละ (อย่าลืมว่าเราแค่กำลังทำให้ตัวเองไม่เป็นของตาย) ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนผู้ชายที่ทำงานด้วยกัน หรือเพื่อนผู้ชายที่ไปเปรี้ยวกันได้เป็นกลุ่มๆ ก็ทำให้เขาร้อนๆ หนาวๆ ได้ตลอดเวลาจนต้องโทรหาคุณตลอดแล้วล่ะ

ชมผู้ชายคนอื่นอย่างออกหน้า

ไม่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นดารา เป็นนักการเมือง เป็นผู้ชายเก่งๆ หรือเพื่อนของคุณ คุณก็สามารถเอ่ยคำชมถึงคนเหล่านั้นให้คู่ของคุณฟังได้ (เช่น หนุ่มๆ ใน HAIRWORLD เล่มนี้) ไม่ใช่เอะอะก็ชมแต่เขาคนเดียวจนตัวลอย และยังเป็นเคล็ดลับทางอ้อมให้เขารีบพัฒนาตัวเอง ลุกขึ้นมาแต่งตัวดีๆ และทำสิ่งดีๆ ให้กับคุณอีกด้วย แต่ข้อห้ามก็คือชมคนอื่นได้แต่อย่าได้เอาเขาไปเปรียบเทียบด้วยล่ะ เดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องกันพอดี
 
 เป็นสาว Shopaholic ดูซะบ้าง
ผู้หญิงบางคนไม่ชอบแต่งตัวเพราะคิดว่าไม่ต้องการใครอีกแล้ว ไม่ก็โดนแฟนเบรกเวลาจะซื้อเสื้อสวยๆ สักตัว จากสาวงามระดับดาวมหาลัยเลยกลายเป็นป้าไปในบัดดล เวลาไปเที่ยวกับเขาก็แต่งตัวเรียบๆ ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น อยากบอกว่า “อย่ายอมเด็ดขาด” ไม่มีเหตุผลไหนดีพอที่จะทำให้ผู้หญิงเลิกแต่งตัวสวย ไม่ว่าคุณจะมีลูกแล้วหรือย่างเข้าวัย 40 แล้วก็ตาม ขยันแต่งตัวให้ได้อย่างป้ามาดอนน่าหรือเคมี่มัวร์ดูบ้าง ออกไปช้อปปิ้งกับเพื่อนฝูงหรือไปคนเดียวก็ได้ (ไม่ต้องให้เขามาขัด) พอคุณสวยแล้วก็จะมีหนุ่มๆ มามองเยอะแยะ เขาก็ยิ่งจะหวง (ก้าง) มากขึ้นเท่านั้น รับรองว่าจะต้องกังวลสายตาคนอื่นจนไม่มีกะจิตกะใจมองสาวคนใดอีกต่อไปแล้ว
รักษาหุ่นให้เป๊ะตลอด

ผู้หญิงเรานี่ก็แปลก เวลาเห็นแฟนหนุ่มมองสาวคนอื่นๆ เป็นต้องลมออกหูไปเสียทุกครั้ง แต่ไม่เคยดูตัวเองในกระจกเลยว่าทำไมเขาถึงชอบชายตาหาสาวสวยอยู่เรื่อย หันมาดูแลตัวเองให้สวยเช้งตลอดเวลาดีกว่า ออกกำลังกาย ควบคุมอาหาร รักษารูปร่างให้ดูดีเหมือนตอนแรกๆ ที่คุณเจอกัน ไม่ใช่เห็นว่าตัวเองมีแฟนแล้วก็ปล่อยเนื้อปล่อยตัว อย่าเชื่อผู้ชายที่บอกว่าคุณไม่อ้วน คุณต่างหากที่ต้องตัดสินตัวเอง ยังไงเสียแล้วคนหุ่นดีก็มีชัยไปกว่าครึ่ง ไม่หลงไม่รักให้มันรู้ไป!
 
แกล้งทำตัวห่างเหิน
ปล่อยให้เขาคิดถึงคุณจนเกิดอาการจิตหลอนด้วยการปฏิเสธที่จะเจอกันทุกวันเหมือนแต่ก่อน จากนั้นคุณก็ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ตะลุยราตรีหรือจะไปเสริมสวย เข้าสปาให้สบายจิตก็ย่อมได้ นี่ก็เป็นอีกวิธีที่จะทำให้เขาโหยหาคุณจนแทบคลั่งได้เหมือนกัน

 ใช้ Internet ให้เป็นประโยชน์

เราสามารถใช้อินเตอร์เน็ตในการบริหารเสน่ห์ได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Myspace, Facebook หรือ Hi5 โพสต์รูปสวยๆ แบบไม่ต้องมีแฟนประกบข้างเยอะๆ เข้าไว้ เวลามีหนุ่มๆ เข้ามาคุยก็ตอบไปแบบพอหอมปากหอมคอ ถ้าให้เด็ดต้องหาเพื่อนเป็นหนุ่มน่ารักๆ ไว้คอยคุยแก้เหงากุ๊กกิ๊กให้ฉ่ำหัวใจ ถ้าแฟนหนุ่มเขาจะทำบ้างก็ปล่อยเขาไปถือว่าแฟร์กันทั้งสองฝ่าย ผู้ชายถ้ายิ่งไม่หวงเขาจะยิ่งหลงเราเหมือนอยากจะเอาชนะ ของอย่างงี้อย่าไปยอมง่ายๆ ก็เราเป็นสาวฮอตอยู่แล้วนี่นา

 โทรหาเขาน้อยๆ หน่อยนะ

เลิกโทรศัพท์หาเขาทุกชั่วโมงได้แล้ว มันน่าเบื่อจะตายที่ต้องฟังเสียงคุณทั้งวัน โทรไปแค่พักกลางวันกับหลังเลิกงานก็น่าจะพอเพียง (แถมก่อนนอนให้อีกหน่อยก็ได้นะ) แต่ถ้าจะให้ดีคุณลองไม่ต้องโทรเลย ปล่อยให้เขาโทรมาหาคุณเองจะดีที่สุด แล้วถ้าเขาโทรมาก็ไม่ต้องรีบรับ ปล่อยให้ดังนานๆ หรือหลุดไปบ้างก็ได้ จากนั้นก็ค่อยโทรกลับไปทำอย่างนี้หลายๆ วันเข้า รับรองว่าเขาจะต้องคลั่งโทรหาคุณทั้งวันอย่างแน่นอน

วันอังคารที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

วิธีการสร้างความสามัคคี

      หาก จะพิจารณาให้ดี การสร้างความสามัคคีนั้นแท้จริงแล้วไม่ได้มีความยากเลย การจะสร้างความสามัคคีได้นั้นต้องเริ่มจากความจริง ทำให้ทุกคนในสังคมนั้น ๆ เห็นความจริงให้ได้ ความจริงในเรื่องเหตุการณ์หนึ่งจะมีคำตอบเพียงคำตอบเดียวแล้วพูดได้อย่าง เดียวเท่านั้น แต่ความเท็จในเรื่องนั้น ๆ มีอยู่มากมาย ฉะนั้นเมื่อผู้เขียนพูดอะไรหรือเคยทำอะไรไป ความจริงนั้นย่อมมีอยู่อย่างเดียวเสมอ หากผู้เขียนจำอะไรผิดจะมีคนนำความจริงที่ผู้เขียนเคยทำมายืนยันเสมอ แล้วสิ่งที่ทำให้ไม่เกิดความจริงขึ้นในสังคม อย่างสำคัญมากคือการกระทำอะไรอย่างมีลับลมคมใน ซึ่งผู้เขียนเองจะบอกสหายธรรมเสมอว่า ถ้าใครพูดหรือเล่าอะไรมาถือว่าเรื่องนั้นเป็นความจริงจากผู้เล่าเสมอ หากผู้เล่าได้เล่าเรื่องไม่ตรงความจริง  ย่อมเป็นเหตุให้ผู้เล่าสร้างกรรมอันเป็นบาป   แล้วผู้นั้นต้องรับผลกรรมนั้นไว้เอง    ความ จริงที่เกิดขึ้นแล้วถูกสร้างขึ้นด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5 หาได้ไม่ยาก ใครทำอะไรไว้ก็เปิดเผยให้รู้กันไปโดยทั่วกัน แล้วรับรู้ความจริงร่วมกันว่านั่นเป็นความจริง ไม่ว่าตนเองหรือใครจะทำผิดหรือถูกตามข้อเท็จจริง ก็ให้ยอมรับกันไปเช่นนั้น ความสามัคคีจะเกิดขึ้นได้เมื่อความจริงปรากฏเท่านั้น ความจริงที่เกิดขึ้นแล้วรับรู้ในสัมผัสที่ 6 นั้นยากกว่ามาก เพราะเราจะใช้ตรรกะที่รับรู้กันโดยประสาทสัมผัสทั้ง 5 ไม่ได้ การพิสูน์ผลได้อย่างเดียวคือการใช้วิธีอธิษฐานจิตเท่านั้น เช่นสมมุติว่ามีอาการปวดท้องเกิดขึ้น อยากรู้ว่าเกิดขึ้นจากสภาพร่างกายหรือเกหิดขึ้นจากอาการที่เกิดขึ้นในสมาธิ เมื่ออธิษฐานจิตไว้แล้ว ให้ปล่อยว่างเอาไว้อย่าไปคิดอะไรล่วงหน้า หากคิดอะไรหรือคาดผลไว้ล่วงหน้าว่าจะเป็นอย่างไร ผลนั้นจะใช้ไม่ได้เพราะจะเป็นอุปทานทันที ไม่ ว่าจะเป็นความจริงจากการรับรู้ด้วยประสาทปกติหรือจากสัมผัสที่ 6 ความจริงนั้นย่อมมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น แล้วไม่ว่าจะเป็นความรู้จากประสาทสัมผัสทั้ง 5 ปกติกับความรู้ที่มาจากสัมผัสที่ 6 ผลที่วัดความจริงแท้แน่นอนขั้นสุดท้ายคือตอนที่ตายไปแล้ว เพราะหากเราตายความจริงทุกอย่างจะปรากฏขึ้น แต่ว่าอย่ารอให้ตายก่อนเพื่อจะได้รู้ความจริง เพราะนั่นเป็นเรื่องที่สายมากแล้ว จะต้องพิสูจน์ความจริงให้ได้ตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ แล้วความจริงที่รู้มาจากสัมผัสทั้ง 5 ปกติก็ใช้หลักการพิสูจน์ตามกระบวนการปกติ แต่ที่สำคัญคือการพิสูจน์ความจริงในสัมผัสที่ 6 จะใช้ครรกะหรือวิธีการในการพิสูจน์ความจริงตามวิธีปกติไม่ได้ หากใช้วิธีนั้นจะไม่มีทางได้ความจริงได้เลย ต้องใช้วิธีตามย่อหน้าที่แล้วเท่านั้น โดยผู้ใช้ต้องมีความชำนาญในการตัดอุทานทั้งปวงอย่างยิ่งยวดจึงจะคำตอบ หนึ่ง ในนโยบายการเขียนเว็บของผู้เขียน คือการทำความจริงให้ปรากฏเท่านั้น เทพหรือใครทำอะไรอย่างไรดีหรือไม่ดี ทำเอาไว้ในปัจจุบันหรืออดีตชาติ จะต้องถูกเปิดเผยให้ได้มากที่สุด ผู้เขียนเคยทำอะไรไม่ดีเอาไว้ ใครทำอะไรไม่ดีเอาไว้ หรือใครทำดีเอาไว้หรือทำไม่ดีเอาไว้ จะต้องทำให้ความจริงปรากฏขึ้นมาให้มากที่สุด เมื่อความจริงปรากฏขึ้นแล้ว เมื่อทุกฝ่ายยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น จะทำอย่างไรกับสิ่งที่รู้มา หรือจะให้ยอม ๆ กันไปหรือให้เรื่องจบ ๆ กันก็แล้วแต่ แต่ทุกอย่างอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ทุกคนยอมรับความจริง ใครทำอะไรไม่ดีเอาไว้ให้ตนเองเล่าความไม่ดีของตนให้ผู้อื่นได้รู้แล้วเล่า ความดีของผู้อื่น ต่างคนต่างเล่าจะนำไปสู่ความสมานฉันท์และปหรองดองบได้ในที่สุด โดยเฉพาะความรู้ที่มีอยู่ในสัมผัสที่ 6 ผู้เขียนก่อนจะนำมาเล่าผู้เขียนได้ใช้วิธีการพิสูจน์ตามที่อธิบายมาแล้วนั่น เอง แต่ ที่สังคมวุ่นวายนั้น เมื่อพิจารณาให้ดีจะเห็นว่าได้ทำตรงกันข้ามกับสิ่งที่ผู้เขียนได้เล่ามา โดยเฉพาะการเล่าความไม่ดีของผู้อื่นแล้วเล่าความดีของตน ซึ่งการเล่านั้นได้ใส่ความรู้สึกลงไปด้วย เช่นความไม่ดีของผู้อื่นก็พูดเกินจริง ความดีของตนก็เล่าให้ผู้อื่นฟังเกินจริง ซึ่งผู้เขียนเองตระหนักถึงสิ่งที่ผู้เขียนจะเล่า ไม่ว่าจะเป็นการเล่าเรื่องดีหรือไม่ดีจะต้องไม่เกินความจริงหรือถ้าจะมีต้อง พิจจารณาให้น้อยที่สุด มิเช่นนั้นผู้เขียนจะกลายเป็นต้นเหตุแห่งความไม่สงบเสียเอง สิ่งที่ยากจึงอยู่ที่ความกล้าหาญและอดทนในการยอมรับความจริงที่ตนได้ทำไป แล้ว แต่ต้องคิดในมุมกลับว่าตอนทำยังทำได้ตอนรับก็ต้องยอมรับได้ ถ้าไม่อย่างรับผิดก็ไม่ต้องทำผิดโนเจตนานั้นนั่นเอง

วันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

แนะวิธีลดความเห็นแก่ตัว ปรัชญาความสุขจากประสบการณ์


ตั้งแต่เด็กแต่เล็ก สิ่งที่คิดยึดจนติดเป็นนิสัย เป็นสันดาร ก็คือ "ตัวของเรา"  "ของของเรา"  ถ้าจะรวบยอดความคิดนี้ทั้งหมดก็คือ ความคิดที่ว่า ".....ของเรา"

ความเห็นแก่ตัว โดยพื้นฐานก็คือ  "ความคิด หรือ การกระทำต่างๆที่อาศัยความเห็น ความชอบ ความรู้ ความรู้สึก ของตัวเองเป็นพื้นฐาน โดยมิได้ให้ความสำคัญ หรือ เมินเฉยต่อ ความเห็น ความชอบ ความรู้อื่น"

เพราะการรับรู้ตัวตน  สัมผัสตัวตน และ ความคิดของตัวตนได้ดีกว่ารับรู้ตัวตนของผู้อื่น  ความคิดของผู้อื่น   เราจึงให้ความสำคัญกับ   "ความรู้สึก  ประสบการณ์  ความรู้ ที่เราสามารถรับรู้ได้ชัดเจนที่สุดที่เราสามารถจะรับได้เป็นตัวตั้ง"

เพราะ เราไม่ใช่ผู้อื่น  ดังนั้น เราจึงไม่สามารถรับรู้ประสบการณ์ต่างฯทั้งภายนอก และ ภายใน ของผู้ๆนั้นได้   

ดังนั้น เรารับรู้ผู้อื่นได้ก็เพียงแค่ส่วนนึง และ รับรู้ได้ด้วยการเปรียบเทียบ การอนุมาน เอาจากตัวเอง โดยคาดเดาเอาตามประสบการณ์ที่ตัวเองเคยได้รับว่า ไกล้เคียงกับประสบการณ์แบบไหน และ จากประสบการณ์นั้นๆ จะรู้สึกแบบไหน มีความรู้อะไรเกี่ยวกับประสบการณ์นั้นๆบ้าง

และ โลกใบนี้ สรรพสัตว์ต่างมีประสบการณ์เฉพาะตัว   ดังนั้น การคาดเดาประสบการณ์ผู้อื่น ด้วยประสบการณ์ส่วนตัว ย่อมไม่ตรงกัน 100%  อย่างมากก็แค่ไกล้เคียง

ดังนั้น  ถ้าเราต้องการจะเป็นผู้ฉลาด ไม่ตกอยู่ในประสบการณ์เฉพาะตัว  เราก็ต้องเป็น "ผู้ให้และผู้รับในเวลาเดียวกัน ณ เหตุการณ์ช่วงขณะหนึงเดียวกัน"

ทำให้ เรามีประสบการณ์ของการเป็นผู้ให้ และ ผู้รับพร้อมกัน คือ มีทั้งความรู้สึกของผู้ให้ และ ความรู้สึกของผู้รับ ณ เวลาเดียวกัน และ เหตุการณ์ช่วงขณะหนึ่งเดียวกัน

คือ ขณะ ที่เรามีจิตเป็นผู้ให้ เรา ก็มีจิตเป็นผู้รับอยู่ภายในขณะนั้น

ดังนั้น  เราจึงควรทำทาน และ รับผลของทานนั้นด้วยจิตภายใน     ว่าง่ายๆ ก็คือ  เจตนาที่จะทำทานเป็นจุดเริ่ม และ การได้บริจาคทาน เป็นผล

เช่น  การจะให้อาหารหมาจรจัด     จุดเริ่มคือ  คิดสงสาร   จุดที่เป็นผลคือ การบริจาคอาหารให้

ไม่ใช่  จุดเริ่มคือ สงสาร  จุดผลคือ ไม่น่าสงสาร  เพราะถ้าทำเช่นนี้  เราจะต้องคอยดูอีกฝ่ายว่ารู้สึกอย่างไร  และ เราจะตีความความรู้สึกของอีกฝ่ายด้วยประสบการณ์ส่วนตัวที่เรามีๆมาว่าคล้ายกันตรงไหนมั่ง และ จะทำให้รู้สึกอย่างไรมั่ง  เช่นเรื่อง เห็นหมาหิวสงสาร พอเห็นอิ่ม ความสงสารก็หมดไป เพราะ เอาประสบการณ์ตัวเองตอนอิ่ม มาตีความ

ดังนั้น เราจึงควรบริจาคทานให้แก่ผู้ที่สมควรให้ เช่นผู้อดอยาก ผู้ไร้หนทาง ผู้ทุกข์ยาก และ ให้ทานที่เหมาะสมแก่เขา และอย่าให้ความสำคัญกับประสบการณ์ในการได้รับทานนั้นของผู้รับมากนัก เพราะ เราไม่มีวันเข้าใจความสุขของเขาได้ 100 %

ว่าง่ายๆ ก็คือ    เมื่อเห็นว่า สมควรให้ สมควรช่วย ก็จงช่วย และ จงมีความสุขจากการได้ช่วย  ไม่ใช่หวังได้ความสุขจากการเห็นอีกฝ่ายถูกช่วย

ว่าง่ายๆอีกแบบ ก็คือ  "การมีความสุขในตน และ การเพียงพอแห่งความสุขในตน"

ณ จุดนี้ ความเห็นแก่ตัวย่อมหายไป เพราะ เราไม่ได้ใช้ประสบการณ์ของผู้ให้เป็นพื้นฐานเพียงอย่างเดียว แต่เรา ใช้ประสบการณ์ของผู้รับเป็นพื้นฐานด้วย  

         "จงทำทาน ให้แก่ผู้ที่สมควร และ ความสุขนั้นย่อมมาจาก การได้กระทำการบริจาคทาน "
        
         "ทานในที่นี้ ครอบคลุมไปถึงหลายๆสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นความปรารถนาดี การอวยพร การ         แผ่เมตตา สิ่งของ อาหาร"
         
         "ความสุขจากการให้ทาน ผู้ให้ย่อมจะได้รับอย่างเต็มที่ ผู้ให้ให้ไปเท่าไหร่ ก็ได้รับมาเท่านั้น เพราะ แท้จริง ผู้ให้ ก็คือ ผู้รับ"
            
         "จงอย่าละโมบ แม้แต่การให้ความปรารถนาดี หรือ การให้อวยพร การแผ่เมตตา เพราะ ผู้ที่ละโมบย่อมจะไม่ได้รับความสุขเพราะ เขาไม่ได้เป็นทั้งผู้ให้ และ ไม่ได้เป็นทั้งผู้รับ เขาเป็นเพียงแค่ ผู้อดอยาก ที่ได้แต่รอที่จะเป็นผู้รับ ถึงแม้ท้องเขาจะอิ่ม กายจะอบอุ่น แต่ใจเขานั้นหิวกระหาย และ หนาวเหน็บ"

วันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

1 นาทีแนะวิธีเรียนเก่ง

ในการเรียนให้เก่งนั้น ต้องอาศัยทักษะต่างๆ และหมั่นฝึกฝน อดทนและขยันอยู่เสมอ ซึ่งขั้นตอนในการปฏิบัติและวางแผนในการเรียนให้เราเรียนเก่งๆนั้น มีขั้นตอนดังนี้
1. การเตรียมตัวก่อนไปโรงเรียน
ข้อคิดนี้สำคัญ และมองข้ามไม่ได้ค่ะ เราต้องรู้จักประมาณตนในการเข้านอนค่ะ โดยปกติแล้วคนที่หลังจากเลิกเรียนแล้ว เรียนพิเศษโดยเฉลี่ยประมาณชั่วโมงครึ่ง กลับบ้านมากินข้าว อาบน้ำ ทำการบ้าน และอ่านหนังสือทบทวน ไม่น่าจะเข้านอนเกิน 5 ทุ่มนะคะ

สาเหตุที่เราเข้านอนเกินเวลา
- เลิกเรียนแล้วเที่ยวเตร่ไม่รีบกลับบ้าน
มัวแต่เล่นเกมส์ หรืออ่านหนังสือการ์ตูน ซึ่งถ้าทำเพื่อคลายเครียดก็ไม่ควรเกินครึ่งชั่วโมง และไม่ควรทำทุกวัน เพราะจะทำให้เราติดเป็นนิสัย
เล่น msn เพื่อแชตในเรื่องไร้สาระ จะทำให้เราไม่ดูเวลา ติดเป็นนิสัย
ดูละครไป ทำการบ้านไป
การบ้านค้างไว้นานๆ แล้วมารีบทำเมื่อถึงวันที่จะส่งแล้ว
เมื่อเราหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ได้ ก็ขอให้เข้านอนให้ตรงเวลาทุกวันจะได้เกิดความเคยชิน และเมื่อตื่นขึ้นมาตอนเช้า ห้ามหลับต่อ และอย่าลืมรับประทานอาหารเช้าก่อนไปโรงเรียนนะคะ

2. จุดประกายในห้องเรียน
- พยายามเลือกที่นั่งด้านหน้า ใกล้ครูให้มากที่สุด
ถ้าเลือกที่นั่งไม่ได้ จำเป็นต้องนั่งข้างหลัง ก็ห้ามปรามเพื่อนรอบข้าง อย่าให้เขาชวนคุย เพราะจะรบกวนสมาธิ
ถ้านั่งริมหน้าต่าง ริมประตู อย่าไปสนใจสิ่งรอบข้าง
ไม่ต้องกลัวเวลาอาจารย์ถาม ถ้าเราตั้งใจเรียนและเตรียมตัวมาดี จะทำให้เรามีความมั่นใจเวลาอาจารย์ถามคำถาม
เมื่อมีข้อสงสัยให้รีบยกมือถามอาจารย์ทันที ไม่ต้องกลัวอายเพื่อน อย่าลืมค่ะ "ด้านได้อายอด"ค่ะ

 3. หูฟัง ตามอง มือเขียน
- มีสมาธิในการฟัง
มองสิ่งที่อาจารย์เขียนให้ดูบนกระดาน แล้วรีบจดลงไปในสมุด
ไม่ควรฟังไป เขียนไป จะทำให้เราพลาดเนื้อหาที่สำคัญๆ เราควรฟังให้เข้าใจก่อนแล้วค่อยบันทึก

4. ชั่วโมงต่อไป ทำไงดี
- อย่าเพิ่งรีบเก็บสมุดบันทึกก่อนค่ะ ให้จดหัวข้อว่าวันนี้เรียนอะไรในสมุดอีกเล่ม เพื่อจะได้กลับไปทบทวนที่บ้าน
จดโน้ตคำถามสั้นๆไว้ในส่วนที่เรายังไม่เข้าใจ คาบต่อไปจะได้ไม่ลืมถามอาจารย์
ลืมความเครียด ความกังวลในคาบก่อนหน้านั้นให้หมดสิ้น

5. จุดประสงค์การเรียนรู้ หลักสูตร หรือโครงสร้างเนื้อหา มีความสำคัญ
ถ้าเรารู้จุดประสงค์การเรียนรู้ของวิชานั้นๆ จะทำให้เรามีทิศทางในการเรียน เปรียบเสมือนแผนที่ที่คอยบอกว่า เราควรเดินไปในทิศทางไหนค่ะ และมีส่วนสำคัญให้เราเลือกซื้อหนังสือไว้อ่านเพิ่มเติมด้วย

6. จับประเด็น
ฟังอาจารย์ให้ดีๆ ตรงไหนอาจารย์เน้นคำ โดยใช้คำพูดที่หนักแน่นขึ้น
ตรงไหนอาจารย์พูดซ้ำ 2 รอบ
หัวข้อที่อาจารย์พูดถึงว่า ออกสอบบ่อยๆ
แนวแบบฝึกหัดที่อาจารย์ให้มาก็บอกใบ้แนวข้อสอบค่ะ

7. สังเกตสไตล์การสอน
- ถ้าอาจารย์ชอบให้ซักถาม ก็เตรียมคำถามไว้ถามล่วงหน้า
ถ้าอาจารย์ชอบสอนไปเรื่อยๆ ไม่สนใจว่านักเรียนตามทันหรือไม่ ก็ไม่ควรขัดจังหวะ โดยการถามคำถามอาจารย์ก่อน ให้จับประเด็นที่อาจารย์เน้นเอาเอง และค่อยถามอาจารย์นอกเวลา
ถ้าอาจารย์บรรยายน่าเบื่อ ฟังแล้วง่วงนอน ให้ปรับเปลี่ยนความคิดใหม่ว่า เป็นการฝึกให้นักเรียนเป็นนักจับประเด็น และเป็นการฝึกความอดทนไปในตัว พยายามท้าทายตัวเองว่า ต้องเป็นคนช่างสังเกตให้ได้ เหมือนกำลังเล่นเกมนักสืบ
อย่ามีอคติกับผู้สอน เพราะจะทำให้การเรียนน่าเบื่อ ซึ่งมีผลต่อคะแนน ความตั้งใจ และความเข้าใจตลอดเทอม

8. เรียนอย่างเข้าใจ หาใช่เพื่อสอบผ่าน
ฟังดูอาจเป็นผลดีที่ขยันเรียนอย่างเอาจริงเอาจัง แต่ความเป็นจริงแล้ว เมื่อสอบผ่านวิชานั้น ก็เป็นอันว่าหน้าที่นั้นสิ้นสุดลงแล้ว ไม่จำเป็นต้องเข้าใจเนื้อหานั้นอีกต่อไป ถ้าต้องเรียนเนื้อหาที่เกี่ยวข้องค่อยไปรื้อฟื้อความเข้าใจเพื่อการสอบออกมาใหม่ นี่เป็นความคิดที่ผิดค่ะ
ความเข้าใจอย่างแตกฉาน จะมีประโยชน์ต่ออนาคต ต่อการดำรงชีพ ถ้าคิดแบบนี้ จะทำให้สามารถอธิบายวิเคราะห์ สรุปเนื้อหาได้อย่างแม่นยำ

เพราะฉะนั้น การเรียนไม่ใช่การท่องจำเพื่อการสอบอย่างเดียว

วันพุธที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

วิธการบำรุงผม

19 วิธีดูแลผมที่คุณรัก (Lisa)

ผมของคุณก็เหมือนหุ้นส่วนหัวใจ ถ้าผมเสียไป คนที่เสียใจคือคุณ

          ผมนุ่มสลวย มีน้ำหนัก เป็นเงางาม เป็นที่ปรารถนาของผู้หญิงทุกคน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพเส้นผมของแต่ละคน นอกจากนี้ การดูแลผมที่ผิดวิธีก็ทำให้ผมเสีย จัดทรงยาก ดูไม่มีชีวิตชีวา โดยเฉพาะผู้ที่มีผมเส้นเล็ก มักจะมีปัญหาในการจัดแต่งทรงผมยากเป็นพิเศษ จนกลายเป็นความกังวล

          ต่อไปนี้คุณไม่ต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว เพราะมีผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมชนิดต่างๆ ให้คุณเลือกมากมาย คงมีบางชนิดที่เหมาะกับลักษณะเส้นผมของคุณ นอกจากนี้ เรายังมีเคล็ด (ไม่ลับ) มากระซิบบอกคุณถึงวิธีดูแลจัดแต่งทรงผม โดยเฉพาะสำหรับผมเส้นเล็ก เพื่อคุณจะได้มีทรงผมสวยอย่างที่คุณใฝ่ฝันมานาน แล้วคุณจะตะลึงกับความสวยของคุณ หลังจากที่ได้ทดลองทำตามข้อแนะนำทุกข้อต่อไปนี้

1 ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม

          ผมเส้นเล็กบาง ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเคราติน คาราไมล์ หรือแพนทีนอล เพื่อปกป้องเส้นผมให้รอดพ้นจากการทำลายของสายลม แสงแดด และช่วยให้ผมดูหนาขึ้น

2 เปลี่ยนผมแสกข้าง
          ถ้าคุณแคยแต่แสกผมอยู่ข้างเดียวมาตลอด จะทำให้ทรงผมแบนราบอยู่ด้านเดียว ทดลองเปลี่ยนผมแสกข้างมาอีกด้านหนึ่งบ้างจะทำให้ผมดูหนาและได้รูปทรงดีขึ้น ช่วยหนีความจำเจได้อีกด้วย

3 แชมพูช่วยขจัดสารเคมีที่ตกค้าง

          หากใช้ยาสระผมจำพวก แคลริฟายอิง แชมพู (Clarifing Shampoo) จะทำให้ผมเส้นเล็กดูหนาและจัดทรงง่ายขึ้น คุณควรสระผมด้วย แคลริฟายอิง แชมพู อาทิตย์ละหนึ่งครั้ง เพื่อชำระล้างสารเคมีที่ตกค้างบนเส้นผม ปรับสภาพสู่สมดุลตามธรรมชาติ

4 ผมแห้ง
          ไม่ควรใส่ทรีตเมนต์ขณะที่ผมยังเปียกอยู่เพราะจะไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร ให้ไดร์ผมเป็นรูปกากบาทจนเกือบแห้ง แล้วจึงนวดผมด้วยโฟมแต่งผม จากนั้นไดร์ให้แห้ง

5 ผลิตภัณฑ์ ทู อิน วัน

          ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ประเภท ทู อิน วัน เพราะจะมีสารตกค้างติดเส้นผมทุกครั้งที่สระ จะทำให้ผมเกาะติดกันและยากต่อการจัดทรงผม

6 การฉีดสเปรย์

          เมื่อทำผมเสร็จ ให้ฉีดสเปรย์จากล่างขึ้นบน สำหรับผู้ที่มีผมยาวไม่ควรฉีดสเปรย์บนศีรษะ แต่ให้ฉีดจากด้านข้างและด้านล่างขึ้นมา จะทำให้ผมได้ทรงสวย

7 ใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมเพียงเล็กน้อย

          โดยปกติ คนที่มีผมเส้นเล็กมักใช้แวกซ์ เจล หรือบาล์ม แต่จริงๆ แล้วผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่เหมาะกับผมเส้นเล็ก เพราะจะทำให้ผมแข็งทื่อและหยาบ นอกจากนี้ เมื่อคุณออกไปเจอสายลม แสงแดด น้ำยาแต่งผมจะเกาะกันเป็นก้อน ลองเปลี่ยนมาใช้สเปรย์จัดแต่งทรงผมในระหว่างไดร์ผม โดยฉีดจากล่างขึ้นบนทีละช่อและไดร์ให้แห้ง ผมจะนุ่มสลวยได้รูปทรงดี

8 สระผมทุกวัน

          ผมเส้นเล็กมักจะมีปัญหาผมมันเร็ว จึงควรสระผมทุกวันด้วยโวลุ่ม แชมพู (Volume Shampoo) โดยไม่ต้องใช้ครีมนวดผม เพื่อทำให้ผมมีน้ำหนักและหนาขึ้น

9 การดูแลผมเส้นเล็กแบบง่ายๆ

          โดยทั่วๆ ไป วิธีการดูแลรักษาผมเส้นเล็กบอบบางมักจะยุ่งยากโดยไม่จำเป็น ผลิตภัณฑ์พิเศษในการดูแลรักษาผมเส้นเล็กก็คือ ผลิตภัณฑ์ที่มีโวลุ่มเพียงเล็กน้อยก็ช่วยทำให้เส้นผมแข็งแรงเพียงพอ

10 ทำทรงผมให้มีชีวิตชีวา

          ฉีดผมให้ชื้น จากนั้นนวดผมด้วยครีมจัดแต่งทรงผมหรือโฟมเล็กน้อย และปล่อยให้แห้งเอง

11 ทำผมให้ตัวเอง

          ผู้ที่มีผมยาวและเหยียดตรง หากมัดผมให้สูงเป็นหางม้าทิ้งไว้ทั้งคืน รุ่งขึ้นคุณจะมีผมทรงใหม่อีกสไตส์หนึ่ง ประหยัดทั้งเงินและเวลาเข้าร้านทำผม

12 เครื่องไดร์ผม

          การไดร์ผมอย่างถูกวิธีจะทำให้สวยได้นานหลายชั่วโมง เพราะว่ารูเล็กๆ ของเครื่องไดร์ผม จะเป่าตรงโคนผมได้ ทำให้ทรงผมอยู่ตัว

13 ผมเย็น

          หลังจากที่ไดร์ผมเสร็จแล้ว ควรปล่อยให้ผมเย็นลงทุกครั้งก่อนที่จะแต่งทรงผม เพราะจะทำให้ผมดูหนาและอยู่ทรงได้นาน ไม่ทำลายสภาพผมด้วย

14 โรลม้วนผมจัมโบ้

          สำหรับผู้ที่ไว้ผมยาวหรือมีความยาวระดับไหล่ ให้ไดร์ผมจนเกือบแห้ง จากนั้นฉีดโวลุ่มสเปรย์(Volume Spray) ให้ชื้นแล้วจึงม้วนผมด้วยโรลจัมโบ้ (อย่าม้วนผมลดหลั่นกัน แต่ให้ม้วนไปรอบๆ) จากนั้น ไดร์ผมและปล่อยให้เย็นลง ก็จะได้ผมสวยตามต้องการ

15 การทำให้ผมไม่แบนราบ

          เทคนิคการตัดผมเพื่อหนุนให้ผมได้ทรงตามต้องการและแลดูหนา สำหรับผมที่ไม่มีน้ำหนักและยาวแค่คาง ให้แบ่งผมบนศีรษะและตัดผมบริเวณโคนผม สัก 2-3 ซ.ม. ให้เป็นรูปสามเหลี่ยมเล็กๆ จะช่วยให้จัดผมได้รูปทรงสวยและไม่แบนราบ

16 เทคนิคสำหรับผมสั้น

          นวดผมด้วยน้ำยาจัดแต่งทรงผม แล้วจึงหนีบผมด้วยที่หนีบและไดร์ผมที่โคน จากนั้นปล่อยให้เย็นลง ดึงที่หนีบออก และเอานิ้วยีผมให้เป็นทรง

17 แปรง

          ก่อนที่ผมจะแห้ง ให้ไดร์ผมโดยใช้แปรงกลม หวีเข้าด้านในบ้าง ด้านนอกบ้างสลับกันไป แล้วจึงฉีดสเปรย์

18 การไดร์ผม
          ไม่ควรไดร์ผมทันทีหลังสระ แต่เช็ดผมพอหมาดด้วยผ้าขนหนูก่อน จากนั้นฉีดโวลุ่มสเปรย์ที่โคนผมแล้วจึงไดร์ผมทั้งศีรษะโดยใช้มือช่วย

19 ผมอยู่ทรง
          แบ่งผมแล้วจับยกให้สูง จากนั้นฉีดสเปรย์ที่โคนผมและไดร์ให้แห้งแล้วปล่อยให้ผมเย็นลง วิธีนี้จะทำให้ผมอยู่ทรงและดูหนาขึ้น

วันอังคารที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

วิธีลดหน้าท้อง


1. ลดหน้าท้องของผู้หญิง



2. สูตรอาหารลดหน้าท้อง



3. โยคะลดหน้าท้อง



4. ลดหน้าท้องดาวน 45 นาที