สำหรับสาวๆที่อยากมีใบหน้าขาวใสเรียบเนียนลดลอยสิวด้วยวิธีง่ายๆสามารถทำเองได้ที่บ้านสาวๆคนไหนสนใจรองทำดูนะคร้า....เราเป็นผู้หญิงยุคใหม่อย่าหยุดสวย

วันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2556

สูตรสวยแบบไม่ต้องเปลืองตังค์จ๊ะ

สูตรขจัดสิวหัวดำ นำมะเขือเทศสดมาปั่นรวมกับข้าวโอ๊ตให้เข้ากัน แล้วผสมน้ำผึ้ง 
สักเล็กน้อยนำมาทา บนใบหน้าให้ทั่ว เน้นเป็นพิเศษบริเวณ 
ที่มีสิวหัวดำ แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น 


มาร์คพอกหน้าสูตรใบเตย 
นำใบเตย4-5 ใบมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆแล้วนำไปปั่นรวมกับไข่ไก่ 
2ช้อนโต๊ะจะได้มาร์คพอกหน้าเป็นครีมข้นๆ หอมกลิ่นใบเตย 
พอกหน้าไว้ประมาณ 5-10 นาที แล้วล้างหน้าตามปกติ 

ถนอมผิวหน้าด้วยโยเกิร์ต 
ล้างหน้าให้สะอาด ซับเบาๆด้วยผ้าขนหนู แล้วใช้มือแตะ 
โยเกิร์ต(ให้ใช้ชนิดที่ไม่ผสมเนื้อผลไม้) มาพอกให้ทั่วผิวหน้า 
เว้นรอบปากและดวงตา นวดและคลีงเบาๆ พอกไว้ประมาณ 
20 นาที จึงล้างออก หมั่นทำสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ผิวจะเปล่งปลั่ง 
สดใสอมชมพูทีเดียวค่ะ 

ครีมพอกหน้าสำหรับสาวผิวมันและผิวผสม 

ให้ใช้แตงกวา1 ผล ไขไก่ 1 ฟอง (ใช้เฉพาะไข่ขาว) และมะนาว 
1 เสี้ยว หั่นแตงกวาเป็นแว่นบางๆ นำไปปั่นพร้อมกับไข่ขาว 
และบีบน้ำมะนาวลงไป ปั่นจนละเอียดเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน 
นำมาพอกให้ทั่วใบหน้า เว้นรอบปากและดวงตาไว้ ทิ้งไว้ 
ประมาณ 20 นาที แล้วจึงล้างหน้าตามปกติ หมั่นทำบ่อยๆ ทุก 
สัปดาห์ จะช่วยลดความมันส่วนเกิน และยังช่วยสมานผิวหน้า 
กระชับรูขุมขน ช่วยให้ผิวหน้าเรียบเนียน เต่งตึง และนวลนุ่ม 
ชุมชื่น 


เพื่อเรียวขาสวย 
ก่อนนอน นำมะนาวเปรี้ยวๆสักหนึ่งเสี้ยว บีบลงในดินสอพอง 
พอหมาด ทาให้ทั่วขา ทิ้งไว้สักหนึ่งคืน รุ่งเช้าค่อยล้างออก 
แม้จะไม่ทำให้ขาเนียนขึ้นทันตาเห็น แต่หากทำเป็นประจำ 
ยืนยันว่าได้ผลค่ะ 

ลบรอยกระด่างดำบนใบหน้าด้วยมะละกอสุก 
นำมะละกอสุกมายีให้ละเอียด พอกหน้า ทิ้งไว้ สัก 10 นาที 
แล้วจึงล้างออก จะช่วยให้ ใบหน้าที่มีรอยด่างดำดูดีขึ้น 

สูตรรักษาฝ้า 
คั้นน้ำมะขามเปียก ให้ค่อนข้างใสสักหน่อย ตั้งไฟอ่อน รอจนสุก 
จึงใส่น้ำผึ้งลงไปคนให้เข้ากัน ขั้นตอนนี้ต้องทำพร้อมกัน 
คือมือหนึ่งเท อีกมือก็คนให้ทั่ว นำมาทาหน้า วันละ 1 ชั่วโมง 
ช่วยรักษาฝ้า และทำให้ผิวหน้านวลใสขึ้น 

สูตรสาวหน้าใส 
ส่วนผสม น้ำผึ้ง น้ำมะนาว 
ผสมน้ำผึ้ง 1 ถ้วย น้ำมะนาว 1 ช้อนชา เข้าด้วยกัน 
นำมานวดให้ทั่วใบหน้า 
มะนาว จะช่วยขจัดเซลล์ผิว เหมือนครีมที่มีส่วนผสม 
AHA นั่นแหละ ส่วนน้ำผึ้ง ทำให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื่น นวด 
ประมาณ 15 นาที 


สูตรลดริ้วรอย 
เลือกใช้ผลไม้ที่หาง่าย จะเป็นแอปเปิ้ล กล้วยหอม 
แตงกวา หรือมะเขือเทศก็ได้ค่ะ ใช้ปริมาณ 1 ถ้วย 
นำมาปอกเปลือกและเอาเมล็ดออก นำไปปั่นให้เนื้อ 
ละเอียด นำเนื้อผลไม้ที่เตรียมไว้ มาพอกให้ทั่วหน้า 
ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างออก และล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น 
อีกครั้ง จะทำให้ผิวหน้าเนียนนุ่ม เกลี้ยงเกลา แลดูสดใส 


สูตรกระชับรูขุมขน 
กล้วยหอม แตงกวา มะเขือเทศ (เลือกเอาอย่างใด 
อย่างหนึ่ง) ปอกเปลือก เอาเมล็ดออก แล้วหั่นเป็น 
ชิ้นเล็ก ๆ เติมนมเปรี้ยวหรือน้ำผึ้งลงไป 
นำไปปั่นจนละเอียดเป็นเนื้อครีม นำมาพอกให้ทั่ว 
ใบหน้าและลำคอ ทิ้งไว้ ประมาณ 15 นาที แล้วจึงล้าง 
ออกด้วยน้ำอุ่น จะช่วยทำความสะอาดใบหน้า และ 
ช่วยกระชับรูขุมขน และบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น 


สูตรพิฆาตสิวเสี้ยน 
นำไข่ขาว มาทาบาง ๆ บริเวณที่มีสิวเสี้ยน แล้วใช้ 
กระดาษทิชชูหรือกระดาษซับหน้าแค่ชั้นเดียว 
วางทับลงไป รอให้แห้ง แล้วค่อย ๆ ดึงกระดาษออก 
โดยดึงจากมุมด้านล่าง สิ้วเสี้ยนที่เคยเป็นเสี้ยนหนาม 
ตำใจจะหลุดออกมาอย่างง่ายดายค่ะ 


เคลนเซอร์สำหรับทุกสภาพผิว 
โยเกิร์ต 1/2 ถ้วย 
น้ำมันดอกทานตะวัน 1 ช้อนโต๊ะ 
น้ำมะนาว 1 1/2 ช้อนโต๊ะ (คั้นสด ๆ นะคะ) 
นำส่วนผสมทั้งหมด มาผสมให้เข้ากัน พอกให้ทั่วหน้า 
ทุกเช้าและก่อนนอน แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด 
จะช่วยทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างล้ำลึก และบำรุงผิว 
ให้ชุ่มชื้นอีกด้วย 


สูตรสาวผมสวย 
ผมนุ่มสลวยด้วยแชมพูจากมะกรุด 
วิธีทำ ใส่น้ำ2 แก้ว ลงไปต้มให้เดือด ใส่มะกรูด 1 ลูก 
ผ่าซีกลงไป ปิดฝาปิดไฟ ทิ้งไว้ 5 นาที นำมากรอง 
เอาแต่น้ำ นำน้ำมะกรูดที่ได้มาสระผม จะช่วยให้ผม 
นุ่มสลวยแถมและไร้รังแคด้วยค่ะ 


ครีมนวดผมสำหรับผมแห้ง 
น้ำมันมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะ ผสมกับ ไข่แดง 1 ฟอง 
นำมาตีให้เข้ากัน นวดให้ทั่วศีรษะ ทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง 
จะทำให้ผมนิ่มสลวย ดูมีน้ำหนัก และจัดทรงง่าย 


ผมสวยด้วยแชมพูไข่ 
ถ้าผมแห้งมาก ใช้ไข่ 1 ฟอง เลือกเอาเฉพาะไข่แดง 
ตีให้ละเอียดผสมน้ำอุ่นเล็กน้อย หลังจากสระผม 
โดยทิ้งไว้ 10 นาที จึงล้างออก จะทำให้เส้นผมนุ่มสลวย 
ไม่หยาบมือ 


ทรีทเม้นท์ไข่และแตงกวา 
นำไข่ (ใช้ทั้งไข่ขาวและไข่แดง) ตีให้เข้ากัน เติมน้ำมัน 
มะกอกลงไปในปริมาณที่ใกล้เคึยงกัน นำมาผสมกับ 
แตงกวาซึ่งปั่นจนละเอียด (ใช้ 1/4 ลูก) พอกให้ทั่วเส้นผม 
ประมาณ 10 นาที ทำเพียงเดือนละครั้ง ช่วยบำรุงผม 
ให้นิ่มสลวย เหมาะกับผมที่แห้งกรอบจากความร้อน 


ครีมนวดผมสูตรน้ำผึ้ง 
น้ำผึ้ง 1/2 ถ้วย 
น้ำมันมะกอก 1/4 ถ้วย ถ้าผมไม่แห้งนักใช้เพียง 
2 ช้อนโต๊ะก็พอค่ะ 
ผสมน้ำผึ้งกับน้ำมันมะกอกให้เข้ากัน นำมาหมักให้ 
ทั่วเส้นผม ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที หลังจากนั้น 
สระผมให้สะอาดอีกครั้งค่ะ เหมาะกับคนที่ผมแห้ง 
จนเสียสวยค่ะ 


ผิวเรียบเนียนด้วยกาแฟบด 
ก็บรรดา ครีมขจัดเซลลูไลต์ ที่ราคาแสนแพงน่ะ 
มีคาเฟอีนอยู่ด้วย ซึ่งช่วยกระตุ้นการขจัดเซลล์ไขมัน 
และยังขัดผิวให้เรียบเนียน แต่อาจจะดูยุ่งยากกว่า 
การใช้ครีมกระปุกอยู่บ้าง จึงควรทำในห้องน้ำ และ 
ก่อนที่จะลงมือขัดผิวด้วยกาแฟอย่าลืมปูพื้นห้องน้ำ 
ด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ เพื่อป้องกันท่อน้ำตันค่ะ 
สูตรนี้ใช้กับผิวกายนะคะ ห้ามใช้กับผิวหน้าค่ะ 
และในระหว่างที่ขัดผิว หากมีนวดไปด้วย จะช่วยกระตุ้น 
การไหลเวียนของเลือด ทำให้ผิวพรรณสดใสขึ้นได้ค่ะ 


สาวมือนุ่ม 
นำเนื้อสัปปะรด มาบดให้ละเอียด พอกให้ทั่วมือของคุณ 
และนวดไปด้วย สัก 5 นาที จะช่วยให้มือนุ่ม มีเสน่ห์ 
ขึ้นอีกพะเรอเกวียนเชียวล่ะ 
นำไข่ขาวมาตีให้ขึ้น แล้วเติมน้ำมะนาว และน้ำผึ้ง อย่างละ 
1 ช้อนชา นำมาชโลมให้ทั่วใบหน้า แล้วใช้มือนวดเป็นวงกลม 
ไปพร้อม ๆ กัน ทิ้งไว้ให้แห้ง แล้วจึงใช้ผ้านุ่ม ๆ ชุบน้ำเช็ดออก 
จะช่วยทำความสะอาดผิว และบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นในขณะเดียวกัน 
นอกจากนำมาทาหรือพอกหน้า เพื่อให้ผิวสดใส เปล่งปลั่ง 
กันแล้ว ในวันหยุด ลองดื่ม ชาผสมน้ำผี้ง จะช่วยกระตุ้นระบบ 
การไหลเวียนของเลือดให้ดีขึ้น ทำให้ผิวสดใส มีเลือดฝาด แต่ 
ไม่ควรเทน้ำเดือดจัดๆ ลงในน้ำผึ้งนะคะ เพราะอาจทำให้สาร 
ที่มีประโยชน์ในน้ำผึ้ง สลายตัวได้ค่ะ 


พอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง (จากสเปน) 
ล้างหน้าให้สะอาด เช็ดให้แห้งแล้วใช้ปลายนิ้วแตะ 
น้ำผึ้งลูบไล้บนใบหน้าและลำคอเบาๆสักครู่แล้วนวดหน้า 
ด้วยปลายนิ้วอย่างแผ่วเบาสักประมาณ 5 นาทีจนน้ำผึ้ง 
เหนียว นวดต่อไปไม่ได้แล้ว ก็ปล่อยทิ้งไว้ นอนพักให้ 
ศีรษะอยู่ต่ำกว่าระดับปลายเท้า เพื่อให้เลือดไหลมา 
หล่อเลี้ยงที่ใบหน้าและลำคอได้สะดวกยิ่งขึ้น พักสักครู่ 
แล้วค่อยๆใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดน้ำผึ้งออก 
ควรทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดหมดจดด้วยคลีนเซอร์ที่ 
เหมาะกับผิว ก่อนที่จะพอกหน้าให้ทั่วใบหน้า โดยเว้นรอบ 
ดวงตาและริมฝีปาก แล้วทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที ( ถ้าจะ 
ให้ผลดีอาจใช้ผ้าขนหนูชุบอุ่น ๆ นำมาวางบนหน้า ความร้อน 
จากผ้าขนหนูจะช่วยให้ส่วนผสมในมาสก์ซึมซับสู่ผิวได้ดี 
ยิ่งขึ้น ) แล้วใช้สำลีชุบน้ำอุ่นเช็ดทำความสะอาด จากนั้น 
จึงล้างหน้าด้วยน้ำเย็นอีกครั้ง ซึ่งจะช่วยกระชับรูขุมขน 
และทำให้ผิวสดชื่น เช็ดให้แห้งด้วยผ้านุ่ม ๆ และตามด้วย 
ครีมบำรุงผิวค่ะ คราวนี้ผิวคุณก็นุ่มละมุนสดชื่น และสดใส 
...ชัวร์ 


มอยเจอร์ไรเซอร์จากกล้วย 
นำกล้วยบด 1 ผล ผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อน ยีให้เข้ากัน นำมา 
พอกให้ทั่ว ใบหน้า ทิ้งไว้ 15 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น 
จะทำให้ผิวหน้า ชุ่มชื้นขึ้น สูตรนี้เหมาะกับผิวแห้งค่ะ 

เคลนเซอร์น้ำผึ้ง 
ผสมน้ำผึ้ง 2 ช้อนโตีะ กับจมูกข้าวสาลี 2 ช้อนชา คนให้เข้ากัน 
นำมาทาให้ทั่วใบหน้า ใช้ปลายนิ้วขัดเบา ๆ เพื่อกระตุ้น 
การไหลเวียนของเลือด และขจัดเซลล์เก่าให้หลุดลอกออกมา 
ซึ่งน้ำผึ้งจะช่วยให้ผิวหน้าชุ่มชื้นขึ้น และยังช่วยลดริ้วรอย 
และจุดด่างดำ 

มาสค์พอกหน้าจากมะละกอ 
นำมะละกอมาปั่นให้ละเอียด นำพอกให้ทั่วผิวหน้า ในมะละกอ 
จะมีเอนไซม์ที่ช่วยขจัดเซลล์ที่ตายแล้วให้หมดได้ จึงทำให้ 
ผิวหน้า สดใส เปล่งปลั่ง 

เคลนเซอร์จากโยเกิร์ต 
ใช้โยเกิร์ตรสธรรมชาติ กับเกลือป่น 2 ช้อนชา นำมาขัดเบา ๆ 
บริเวณผิวหน้า จะช่วยลดความมันและขจัดเซลล์เก่าให้ 
หลุดลอกออกมา สูตรนี้เหมาะสำหรับผิวผสมและผิวมัน 

มาร์คพอกหน้าจากกล้วยผสมน้ำมันมะกอก 
กล้วยสุกยีให้ละเอียด เติมน้ำมันมะกอกลงไปเล็กน้อย เพื่อให้ 
เนื้อครีมข้น นำมาพอกให้ทั่วใบหน้าทิ้งไว้ 15-20 นาที แล้ว 
ล้างออก จะช่วยบำรุงผิวหน้าให้ชุ่มชื้นขึ้น เหมาะกับผิวแห้ง 

มาร์คพอกหน้าสูตรไข่ผสมข้าวโอ๊ต 
ไข่ขาว 1 ฟอง ผสมกับ ข้าวโอ๊ต 1 ช้อนชา คลุกเคล้าให้เข้ากัน 
นำมาพอกให้ทั่วผิวหน้า ทิ้งไว้ 15-20 นาที สูตรนี้เหมาะกับ 
ผิวมันค่ะ เพราะจะช่วยขจัดสิ่งสกปรกจากใบหน้า และช่วยปรัป 
ผิวให้สมดุลมากขึ้น 

มาร์คพอกหน้าจากแตงกวา (เหมาะสำหรับผิวมันและผิวผสม) 
ให้ใช้แตงกวา1 ผล ไขไก่ 1 ฟอง (ใช้เฉพาะไข่ขาว) และมะนาว 
1 เสี้ยว หั่นแตงกวาเป็นแว่นบางๆ นำไปปั่นพร้อมกับไข่ขาวและ 
บีบน้ำมะนาวลงไป ปั่นจนละเอียดเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน 
นำมาพอก ให้ทั่วใบหน้า เว้นรอบปากและดวงตาไว้ ทิ้งไว้ 
ประมาณ 20 นาที แล้วจึงล้างหน้าตามปกติ หมั่นทำบ่อยๆ 
ทุกสัปดาห์ จะช่วยลดความมันส่วนเกิน และยังช่วยสมานผิวหน้า 
กระชับรูขุมขน ช่วยให้ผิวหน้าเรียบเนียน เต่งตึง และนวลนุ่ม 
ชุ่มชื่น เหมาะสำหรับผิวมันและผิวผสม 
แก้ข้อศอก ส้นเท้าด้านดำ 
ใช้เปลือกมะนาวที่บีบน้ำออกหมดแล้ว นำมาขัด ๆ ถูผิว 
ส่วนที่ด้านหรือแตก เช่น ข้อศอกหรือส้นเท้า จะช่วยให้ 
ผิวนุ่ม ชุ่มชื้น รอยด้านหรือแตกก็จะค่อยจางลง 

ลบรอยด่างดำที่ขา 
สาว ๆที่ขาลาย มีจุดด่างดำเล็ก ๆ ให้ใช้น้ำมะนาวบีบลงใน 
ดินสอพอง พอหมาด ๆ ทาบริเวณขาทุกคืน ก่อนนอน 
ตื่นเช้าค่อยล้างออก รอยด่างดำ จะค่อยจางหายไป 

ผสมในน้ำอาบ ช่วยให้ผิวพรรณสดใส 
ฝานมะนาวออกเป็น 4 ส่วน ใส่ลงในน้ำที่จะอาบ นอกจาก 
จะช่วยขจัดของเสียออกจากผิวแล้ว และยังทำให้ผิวพรรณ 
สดใสอีกด้วย และทุกเช้าตอนตื่นนอน ดื่มน้ำอุ่นผสมมะนาว 
ก็จะช่วยขจัดสารพิษออกจากร่างกาย และช่วยให้ผิวพรรณ 
สดใสอีกทางหนึ่ง 

แก้ปัญหาเล็บเหลือง 
สำหรับสาว ๆ ที่แต้มสีเล็บบ่อย ๆ อาจทำให้เล็บเหลืองได้ 
ให้ใช้สำลีชุบน้ำมะนาวแปะเล็บไว้สัก 10 นาที จะทำให้ 
คราบสีเหลืองค่อย ๆหายไป และยังทำให้เล็บแข็งแรง 
ขึ้นด้วย 

ขจัดรอยเปื้อนยางผลไม้ 
เมื่อปอกผลไม้ที่มียาง ยางมักติดตามซอกเล็บ แก้ไขได้ 
โดยใช้เปลือกมะนาวที่บีบน้ำออกหมดแล้ว มาขัด ๆ ถูๆ 
บริเวณที่เปื้อน คราบยางดำ ๆ จะหลุดลอกออก เล็บมือ 
ของคุณจะขาวสวยเหมือนเดิม 

ในเวลาที่นอนไม่หลับ 
การจิบน้ำผึ้งอุ่นๆ จะช่วยให้คุณหลับ 
ได้ง่ายขึ้น หากช่วงไหนโหมงานหนักๆ ใบหน้าหมองคล้ำ 
อิดโรย ให้ใช้น้ำผึ้งบริสุทธิ์ทาผิวหน้า ทิ้งไว้ราว 3-4 นาที 
แล้วจึงใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่น เช็ดออก จะช่วยให้ผิวหน้าสดใส 
มีชีวิตชีวาขึ้น 

น้ำผึ้งนั้น เราสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ในทุกขั้นตอนของ 
การดูแลผิวหน้าตั้งแต่การทำความสะอาดผิว กระชับรูขุมขน 
และการบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น ป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัย 
เติมน้ำมะนาว 2-3 หยด ลงในน้ำผึ้ง แล้วนำมาพอกหน้าไว้สัก 
5 นาที แล้วล้างออก จะช่วยให้ผิวหน้าขาว สดใสขึ้น 
กล้วยสุก 1 ผล นำมาบดแล้วเติมน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา ผสมให้เข้ากัน 
นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างออก จะช่วยให้คนที่ผิว 
แห้งมากๆ ดูชุ่มชื้นขึ้น

วันอังคารที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2556

วิเคราะห์สภาพแวดล้อมมหาภาค ผลิตภัณฑ์น้ำชาเขียว (ดูเป็นตัวอย่่างได้นะคร้า)

วิเคราะห์สภาพแวดล้อมมหาภาค ผลิตภัณฑ์น้ำชาเขียว
1.      ด้านประชากรศาสตร์ (Demographic)
ประเทศไทยกาลังเข้าสู่ภาวะสังคม "ผู้ใหญ่มาก" คือ อายุเฉลี่ยของคนในสังคมอยู่ที่ประมาณ 30 ปี หลังจากนั้นอีกประมาณ 15 ปี จากนี้ไป สังคมคงจะเข้าสู่ภาวะ "คนแก่มาก" คนในสังคมจะมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 36 ปีขึ้นไป เพราะฉะนั้น ถ้ามองในระยะยาวแล้ว จะพบว่า ตลาดของผู้สูงอายุจะขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าคนวัยทางานจะยังเป็นสัดส่วนที่สูงสุดของกลุ่มประชากร ส่วนการตลาด จะขยายตัวมากขึ้น สินค้าและบริการหลายชนิดที่เป็นความต้องการของตลาดผู้สูงอายุจะมีโอกาสที่น่าสนใจ เช่น สินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพ การพักผ่อนหย่อนใจ ความบันเทิง การท่องเที่ยว การเรียนรู้ที่เหมาะสมกับวัย  มีการย้ายถิ่นฐานกลับเข้าทางานในกรุงเทพมหานคร จึงเป็นสาเหตุที่ทาให้อายุเฉลี่ยของวัยทางานเพิ่มขึ้น ส่งผลให้กลุ่มเป้าหมายทางการตลาดมีจานวนเพิ่มมากขึ้น โครงสร้างที่อยู่อาศัยเปลี่ยนแปลงไปในด้านการศึกษาจากเดิมเคยเรียนในระดับมัธยมศึกษา หรืออาชีวศึกษาที่อยู่ในความดูแลของผู้ปกครองส่งผลให้มีอำนาจในการซื้อสินค้าน้อย แต่หลังจากเข้าเรียนในระดับอุดมศึกษา เกิดการเปลี่ยนแปลงที่อยู่อาศัยจากภูมิลาเนามาเช่าหอพัก ส่งผลให้มีอำนาจในการซื้อสินค้ามากขึ้น และยังเกิดค่าใช้จ่ายมากกว่าเดิมยิ่งหนัก
2.      ด้านเศรษฐกิจ (Economic)
ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว ทาให้ความสามารถในการแข่งขันลดลงและเสียเปรียบคู่แข่งเรื่องต้นทุน ความสามารถในการบริโภคของผู้บริโภคจึงลดลง การเพิ่มขึ้นของราคาน้ามันในตลาดโลก ทำให้มีผลกระทบต่อต้นทุนการผลิต ราคาน้ำมันเป็นผลมาจากเหตุการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ราคาน้ำมันในระยะเวลาที่เหลือของปีต่อเนื่องถึงในปีหน้ายังมีแนวโน้มผันผวนและมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวสูงขึ้นได้เนื่องจากความต้องการใช้เติบโตเร็วกว่ากาลังการผลิตของประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน ราคาน้ามันมีผลกระทบต่อการส่งออกในแง่ของต้นทุนการผลิตและการขนส่งทาให้สินค้ามีราคาสูงขึ้นสภาพเศรษฐกิจในยุคปัจจุบันที่ราคาน้ำมันแพงส่งผลให้ต้นทุนวัตถุดิบหลายอย่าง ขึ้นราคา ประชาชนจึงประสบปัญหากับค่าครองชีพที่สูงขึ้นทาให้กาลังซื้อของประชนลดลง ทาให้เครื่องดื่มชาเขียวพร้อมดื่ม ผ่านกระบวนการผลิตได้สะดวก ราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับการซื้อเครื่องดื่มตามปกติทั่วไป และมีให้เลือกหลากหลายรสชาติเป็นที่นิยมมากขึ้น นอกจากนี้ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นทำให้การส่งออกสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ค่อนข้างลำบากมากเนื่องจากเป็นสภาพการแข็งขันที่สูง

3.      ด้านสิ่งแวดล้อม (Environment)
โรงงานชาเขียว ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ...คืนทุนให้สังคมและสิ่งแวดล้อด้านสิ่งแวดล้อมชาเขียวยังสนับสนุนการใช้ทรัพยากรที่สามารถสร้างทดแทนได้เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม โดยร่วมกับ เต็ดตรา แพ้ค ในการผลิตกล่องเครื่องดื่มที่ทามาจากต้นไม้ในส่วนป่าปลูกเมื่อกล่องถูกใช้แล้วจะมีการปลูกต้นไม้เพิ่มใหม่อีกเพื่อหมุนเวียนไปตลอดไปไม่มีสิ้นสุด เรียกได้ว่ากล่องบรรจุภัณฑ์ของชาเขียวนั้นเป็นบรรจุภัณฑ์คาร์บอนต่ำเนื่องจากทางชาเขียวได้ให้ความสำคัญของบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและจากการตรวจวัดนั้นกล่องแพ็กเกจของชาเขียว มี Carbon footprint ต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับบรรจุภัณฑ์ชนิดอื่นๆ เนื่องจากวัตถุดิบที่ใช้มาจากทรัพยากรทดแทนได้นั้นคือไม้จากป่าปลูกเชิงพาณิชย์
4.      ด้านเทคโนโลยี (Technology)
 ปัจจุบันความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และเทคโนโลยีเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตมีการพัฒนาให้ทันสมัย และยังมีประสิทธิภาพสูง อีกทั้งยังมีราคาต้นทุนที่ต่ำลง เทคโนโลยี ในเครื่องดื่มชาเขียวพร้อมดื่ม ในปัจจุบันพัฒนาก้าวหน้าไปมากและมีแนวโน้มว่าจะพัฒนา ต่อเนื่องไป โดยผ่านกระบวนการผลิตที่สะอาด ปลอดภัย พิถีพิถัน คงรสชาติและคุณค่าดั้งเดิมไว้อย่างครบครัน ชาเขียว กรีนที ซึ่งผลิตจากยอดใบชา เขียวสดแท้ 100% และใช้น้ำตาลฟรุกโตส เป็นน้าตาลโมเลกุลเดี่ยวที่ให้ความหวานตามธรรมชาติ สกัดจากผักและผลไม้ โดยให้ความหวานมากกว่าน้าตาลปกติถึง 1.6 เท่า ทาให้ร่างกายสามารถ ดูดซึมไปเผาผลาญเป็นพลังงานได้เร็วกว่าน้าตาลปกติ อีกทั้งยังให้ปริมาณแคลอรี่ต่ำ
5.  ด้านสังคม (Social)
ในปัจจุบันเครื่องดื่มชาเขียวพร้อมดื่มมีอัตราการบริโภคที่เพิ่มมากขึ้นเนื่องจากมีความนิยมบริโภคที่ต้องการความสวกและรวดเร็วมากขึ้น อีกทั้งได้รับผลกระทบจากปริมาณผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มชาเขียวมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆซึ่งเกิดจากภาวะวิกฤตจากโลกร้อน ด้วยวิถีชีวิตที่เร่งรีบ ประชาชนส่วนใหญ่ต้องทางานหนักขึ้น ทาให้มีเวลาน้อยลง เครื่องดื่มชาเขียวพร้อมดื่มเพื่อสุขภาพ จึงเป็นอีกทางเลือกที่ผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจกันมากขึ้นนอกจากความสดชื่น กระหายหิวที่มีไม่แพ้เครื่องดื่มชาเขียวอื่น คุณภาพและสุขอนามัยของเครื่องดื่มชาเขียว ยังสามารถตอบกระแสความใส่ใจของผู้บริโภคได้มากกว่าเครื่องดื่มชนิดอื่นๆ
6.       ด้านการเมือง (Politic)

ปัจจุบันภายในประเทศเกิดความไม่แน่นอนทางการเมืองทาให้ประชาชนขาดความมั่นใจ ในการเมือง อีกทั้งส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศตามมาด้วยผู้ผลิตเครื่องดื่มชาเขียว เพื่อสุขภาพพร้อมดื่มจะต้องผลิตสินค้าได้คุณภาพและสุขอนามัยตาม มาตรฐานที่องค์การอาหารและยา( อย.)ได้กำหนดไว้ รวมถึงยังต้องคำนึงถึงกฎหมายการนาเข้าประเภทวัตถุดิบทางอาหารของประเทศต่างๆ 

วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2556

วิธีลดความอ้วนภายใน 7 วัน

วันนี้เรามาแนะนำเคล็ดลับน่ารู้เกี่ยวกับวิธีลดความอ้วนภายใน 7 วัน มาฝาก
อย่างที่เรารู้กันดีว่าสาวๆ ทั้งหลายมักจะมองการมีน้ำหนักเกินเป็นอุปสรรคที่สำคัญ แต่ถ้าจะให้มานั่งออกกำลังกายสาวๆ นับร้อยจะต้องส่ายศีรษะพร้อมๆ กันอย่างแน่นอน แล้ววิธีลดน้ำหนักที่สาวๆ ทั้งหลายไม่เคยมองข้ามนั้นก็คือการงดอาหารบางประเภทหรือเลือกกินเฉพาะที่ไม่มีคอเลสเตอรอล ลดอาหารประเภทมันๆ ผัดๆ ทอดๆแต่รู้ไหมค่ะว่าอาหารเหล่านี้ที่คุณมองข้ามเป็นอาหารอีกหนึ่งประเภทที่รวบรวมไว้ในอาหารหลักทั้ง 5หมู่ด้วย เพราะฉะนั้นการเลือกรับประทานอาหารแบบนี้จะทำให้คุณผอมสมใจได้จริงแต่อาจจะทำให้ร่างกายอ่อนแอ่ตามไปด้วยวันนี้เราก็เลยนำเอา วิธีลดความอ้วนภายใน 7 วัน มาฝากกันค่ะ สำหรับ วิธีลดความอ้วนภายใน 7 วัน เป็นวิธีง่ายๆ ที่คุณก็สามารถทำได้ด้วยตัวเองที่บ้าน สาวๆ คนไหนที่พร้อมจะมีหุ่นสวยแล้วเราก็เขาไปทำตามเทคนิค วิธีลดความอ้วนภายใน 7 วัน กันเลยดีกว่านะค่ะ ขอบอกเลยค่ะว่าคุณจะสามารถลดน้ำหนักลงได้ถึง 9 กิโลภายใน 7 วันเชียวนะ แต่ถึงยังไงก็ควรจะออกกำลังกายบ้างยังไงก็เพื่อสุขภาพของคุณเองนะค่ะ

 วิธีลดความอ้วนภายใน 7 วัน
วิธีลดความอ้วนภายใน 7 วัน ลดน้ำหนัก 9 กิโลกรัม
ก่อนอาหารต้องดื่มน้ำอย่างน้อย 2 แก้ว งดน้ำตาล น้ำมันหมู แอลกอฮอล ของทอดทุกชนิด

วันที่ 1
เช้า น้ำผลไม้คั้น หรือโยเกิร์ต 1 ถ้วย
กลางวัน ไข่ต้ม 2 ฟอง
เย็น สลัดผัก



วันที่ 2
เช้า น้ำผลไม้คั้น หรือโยเกิร์ต 1 ถ้วย
กลางวัน ไข่ต้ม 2 ฟอง
เย็น สลัดผัก


วันที่ 3
เช้า กาแฟไม่ใส่น้ำตาล หรือโยเกิร์ต 1 ถ้วย
กลางวัน เกาเหลาลูกชั้น 1 ชาม(หมู, เนื้อ)
เย็น สลัดผัก


วันที่ 4
เช้า น้ำผลไม้คั้น หรือกาแฟดำและขนมปัง 1 แผ่น
กลางวัน สลัดผัก และไก่ยาง 1 ชิ้น
เย็น โยเกิร์ต 1 ถ้วย


วันที่ 5
เช้า น้ำผลไม้คั้น หรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล 1
กลางวัน ส้มตำ และไก่ย่าง 1 ชิ้น
เย็น สลัดผัก


วันที่ 6
เช้า น้ำผลไม้คั้น หรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล 1 ถ้วย
กลางวัน ปลานึ่ง หรือ ปลาเผา ไม่จำกัด
เย็น สลัดผัก


วันที่ 7
เช้า ข้าว 1 ทัพพี และเนื้อ 1 ชิ้น หรือไข่ต้ม 1ฟอง
กลางวัน เกาเหลาลูกชั้น 1 ชาม (หมู, เนื้อ)
เย็น สับปะรด 1 ชิ้น

----------
ถ้าพูดถึง อีกหนึ่งปัญหาเรื่อง สัดส่วน ของทั้ง ผู้หญิง และผู้ชาย ก็คือ ปัญหาหน้าท้อง หรือ พุงยื่นนั้นเอง ซึ่ง ปัจจบันนี้ ปัญหาหน้าท้อง เป็นปัญหาหลักที่เดียว เพราะ ด้วยความเร่งรีบของชีวิตประจำวัน ทำให้ เกิดปัญหาการสะสม ไขมันส่วนเกิน ตามส่วนต่างๆของร่างการ การกินอาหารขยะหรืออาหารที่มีไขมันสุง และ ปัญหาการที่ไม่สามารถออกกำลังกาย ได้ ทำให้หน้าท้องของคนไทย หลายๆคน เพิ่มขึ้นทุกวัน วันนี้เราเลยจะนำเสนอวิธีลดหน้าทองดีๆ มานำเสนอ รับรองเลย ภายใน 7 วัน พุงที่เคยยื่นโย้ ของคุณจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด ถ้าปฎิบัติได้ต่อเนือง ไม่นาน หุ่นสวยๆของคุณก็จะ กลับมาเมหือนเดิม

วิธีลดหน้าท้อง ที่ 1 : พริกไทย ลดหน้าทอง กินพริกไทยเพื่อเร่งการเผาผลาญ
ขั้นตอนแรกนั้นเริ่มที่การเลือกรับประทานอาหารลดหน้าท้องกันก่อน อาหารที่เหมาะสำหรับลดหน้าท้องนั้นก็คือ อาหารที่มีส่วนผสมของพริกไทย เนื่องจากในตัวพริกไทยจะไปช่วยเร่งการย่อยให้อาหารหรือเร่งการเผาผลาญ อาหารที่เรากินเข้าไปจะมีการย่อยสลายที่เร็วขึ้น

วิธีลดหน้าท้อง ที่ 2 : ทานเนื้อสัตว์ให้พอเพมาะ มันมีไขมันสูง
ไม่ควรเน้นอาหารพวกเนื้อสัตว์มากเกินไป เพราะเนื้อเป็นส่วนที่ย่อยยากและมีไขมันสูง

วิธีลดหน้าท้อง ที่ 3 : ทานผักผลไม้เยอะๆ มันมีไขมันน้อย
ควรหันไปเน้นเรื่องผักผลไม้แทนเพราะมีประโยชน์ต่อร่างกายและมีไขมันน้อย อย่างพวกสลัดก็ดีแต่ควรเน้นน้ำสลัดที่ไม่มีส่วนผสมของไข่ เพราะในไข่จะมีส่วนผสมของโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตสูงทำให้อ้วนได้ และควรทานอาหารมื้อเช้าเป็นหลักด้วยเพราะมื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญมาก ที่เราต้องใช้งานเยอะที่สุดในแต่ละวัน

วิธีลดหน้าท้อง ที่ 4 : ตื่นมาดื่มน้ำเปล่า 2-3 แก้วทันที เพื่อช่วยย่อย
อีกวิธีก็คือตอนเราตื่นจากนอนตอนเช้าควรดื่มน้ำเปล่าปริมาณสัก 2-3 แก้ว ซึ่งน้ำที่เรากินเข้าไปจะไปล้างเชื้อจุลินทรีในปากเราทำให้เกิดการย่อยอาหาร เร็วขึ้นทำให้ระบบขับถ่ายดีขึ้นด้วย

วิธีลดหน้าท้อง ที่ 5 : ดื่มนมที่มีตัวจุลินทรีบ้าง เพื่อช่วยย่อย
ต่อมาก็คือการเลือกดื่มนม คนที่ต้องการมีหน้าท้องที่แบบเรียบควรเลือกทานพวกนมเปรี้ยวแทนนมรสหวาน หรืออาจเป็นนมรสจืดหรือพร่องมันเนย เนื่องจากในตัวนมเปรี้ยวมีตัวจุลินทรีอยู่เยอะทำให้ย่อยอาหารที่เรากินเข้า ไปเร็วขึ้น

วิธีลดหน้าท้อง ที่ 6 : ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ลดแน่ๆ
ถ้าหากมีเวลาว่างก็ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างในปัจจุบันนี้ผู้หญิงหลายคนหรือแม้แต่คุณผู้ชายก็นิยมเล่นฮูลาฮุปกัน อย่างแพร่หลายเพราะกีฬาชนิดนี้ไม่เพียงแต่ลดหน้าท้องเท่านั้นแต่สามารถลดได้ ทั้งตัว เนื่องจากเมื่อเราเล่นกีฬาชนิดนี้เราจะมีการเคลื่อนไหวทั้งตัวทำให้เราลดได้ ทั้งตัวนั้นเอง และยังสามารถเล่นอยู่ที่บ้านได้อีกด้วยมีการลงทุนที่ไม่สูงแต่ได้ผลเกินคาด กันเลยทีเดีย

----------
ลดหน้าท้อง แบบเร่งด่วน
วิธีกระชับหน้าท้อง สำหรับคนไม่มีเวลา
หลายคนมักคิดว่าการออกกำลังกายนั้นจะต้องเดินทางไปที่ฟิตเนต หรือต้องทำอยู่กับที่เพียงอย่างเดียว...
วันนี้ ขอชวนสาวๆ ที่อยากลดหน้าท้องแต่ไม่มีเวลา มากระชับหน้าท้องด้วยท่าบริหารง่ายๆ ขณะ
เราเดินทางค่ะ


1.ท่ายืนแขม่วท้อง ขณะที่ยืนบนรถโดยสาร ให้คุณหายใจเข้าและแขม่วท้องให้ได้มากที่สุด จากนั้นก็ค่อยๆ
ผ่อนลมหายใจออก โดยปล่อยลมออกจากท้องให้มากที่สุด ทำซ้ำประมาณ 10 ครั้ง

2.ท่านั่งแขม่วท้อง หากได้นั่งรถโดยสาร ให้คุณนั้น นั่งหลังตรง แขม่วท้อง และหายใจเข้า-ออกเช่นเดียวกับ
ท่ายืนแขม่วท้อง ทำซ้ำ 10 ครั้งเช่นเดียวกันค่ะ

3.ท่านั่งยกขา นั่งหลังตรงพิกพนักเก้าอี้โดยสาร ค่อยๆ ยกขาขึ้น ให้ปลายเท้าลอยขึ้นจากพื้นเล็กน้อย
ประมาณ 2-5 นิ้ว ขณะที่ทำการยกขาให้ใช้แรงจากหน้าท้องส่วนล่าง โดยยกขาค้างไว้ประมาณ 5 วินาที จึงสลับ
ข้าง ทำซ้ำประมาณ 10 ครั้ง

วันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2556

มาร์เก็ตกลิ้ง"ตัน ภาสกรนที" ความปราชัยของ"โออิชิ"

ธุรกิจ : BizWeek



วันที่ 13 พฤษภาคม 2556 09:00
มาร์เก็ตกลิ้ง"ตัน ภาสกรนที" ความปราชัยของ"โออิชิ"
โดย : สาวิตรี รินวงษ์
เดือนแห่งความแพ้พ่ายของโออิชิ ศาสตร์ใดหนอที่ "เจ้าพ่อชาเขียว"อย่าง"ตัน ภาสกรนที" ใช้เผด็จศึก เจ้าตัวยังบอกด้วยว่า อันดับไม่สำคัญเท่ากำไรคำอธิบาย: http://ads.nationchannel.com/adserverkt/adlog.php?bannerid=695&clientid=438&zoneid=119&source=&block=0&capping=0&cb=2109289498e1032e896e8c527a883536
กลายเป็นตลาดปราบเซียนไปแล้ว สำหรับชาเขียวพร้อมดื่ม ที่มีมูลค่าตลาดรวมกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท แม้ที่ผ่านมาบรรดาแบรนด์ใหญ่-ทุนยักษ์มากมายทั้งไทยและเทศจะตบเท้าเข้ามาทำตลาดในไทยอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ ยูนิฟ ของบริษัท ยูนิ- เพรสซิเดนท์สัญชาติไต้หวัน ,แบรนด์ โมชิ จากค่ายสิงห์ ,แบรนด์ มิเรอิ ของซันโตรี่ แบรนด์ใหญ่เลือดอาทิตย์อุทัย ,แบรนด์เนสที ขององค์กร 100 ปี อย่างโคคาโคล่า และแบรนด์ เพียวริคุ จากค่ายกระทิงแดง ฯลฯทว่า...ทำไม !ทุกรายต้อง "พ่าย" ในสมรภูมินี้ สยบต่อเจ้าพ่อชาเขียว นาม "ตัน ภาสกรนที"แม้แต่แบรนด์ "โออิชิแบรนด์ที่ตันปั้นมากับมือ เบอร์ ในสังเวียนชาเขียวพร้อมดื่ม ตัน ยังยัดเยียดความปราชัย ให้กับ แม่ทัพโออิชิ "แมทธิว กิจโอธาน" มาร่วม"ครึ่งปี"ตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปี 55 ต่อเนื่องมาถึงไตรมาสแรกของปี 56ย้อนกลับไป "ตัน" คือผู้ปลุกปั้น โออิชิ ก่อนจะขายหุ้นทิ้งให้กับ "เจ้าพ่อน้ำเมา" เจริญ สิริวัฒนภักดี เมื่อปี 2551 เข้าตำราปั้นธุรกิจมาเพื้อขายทิ้ง(ฟันกำไร) ประเหมาะกับช่วงเวลานั้นตันเริ่มเห็นสัญญาณการ"อิ่มตัว"ของตลาดชาเขียว จากผู้เล่นหนาตา ก่อนจะสรุปในภายหลังว่า สิ่งที่เห็นนั้นเป็นเพียง"ภาพลวงตา" จึง "วกกลับ" มารุกตลาดชาเชียวเต็มตัวอีกครั้งเมื่อปีที่ผ่านมา (2555) ภายใต้แบรนด์ "อิชิตัน"ประกาศศักดาชัดๆ "I Shall Reurn" เขย่าบัลลังก์แชมป์"โออิชิของเสี่ยเจริญ !! ซะงั้น
กับปฏิบัติการขายทิ้ง ก่อนขย้ำเสียงเมาท์กันให้แซ่ดว่า "ไหนว่าจะไม่กลับมาทำตลาดชาเขียวแล้วไง"ที่สำคัญผู้ชายคนนี้ ขย้ำโออิชิ ได้จริงๆทำไม อะไร?..อย่างไร?...ศาสตร์"มาร์เก็ตกลิ้ง" ของ"เสี่ยตัน" จึงเป็น "มรรควิธี" สู่ความสำเร็จไปซะทุกครั้ง หนึ่งในกูรูวงการชาเขียว วิเคราะห์กลยุทธ์ของเสี่ยตันให้ฟังว่า สาเหตุที่สามารถเข็นอิชิตัน กระแทกใจผู้บริโภคได้อย่างจัง เกิดจากความ "ครบเครื่อง" ในศาสตร์การตลาด 4Ps นั่นเพราะรู้ว่าจะต่อกรกับโออิชิอย่างไร ในฐานะ "อดีตซีอีโอ" ผู้ทำตลาดมาก่อน (First Mover)เริ่มจาก Product คือ รสชาติที่"โดนใจ"กลุ่มเป้าหมาย มาพร้อมแพ็คเกจจิ้ง และแบรนด์ที่"ใช่" ชื่อแบรนด์ของอิชิตัน ยังดูเหมือนจะจงใจคล้ายกับ โออิชิ จนผู้บริโภคบางรายสับสนกับชื่อแบรนด์ เรียกผิดเรียกถูก เป็น "โออิชิตัน" บ้างก็มี 
มาถึง Price ถือได้ว่าอิชิตันตั้งราคาขายควบคู่กับขนาดของสินค้า ได้ค่อนข้างลงตัว ด้วยขนาด 400 มล.ในราคา 15 บาท ,Place ช่องทางจำหน่ายสินค้า "ตัน" รู้ดีว่าการกระจายถือเป็นหัวใจในการปั๊มยอดขาย จึงเลือกที่จะจับมือกับกลุ่มสิงห์ อีกหนึ่งยักษ์ธุรกิจเบียร์ ให้เป็นผู้กระจายสินค้าให้ (ไม่ได้เสริมสุข ก็ขอให้ได้ สิงห์) สุดท้ายคือ Promotion กิจกรรมส่งเสริมการตลาด ที่อัดแน่นด้วยแคมเปญประโคมกระแส "แย่งซีน" เหนือคู่แข่งหน้าเก่าหน้าใหม่ แบบไม่ให้ใครมาแหยมสำคัญไปกว่านั้นคือ "ลูกบ้า" ที่ตัน "กล้า" ลงทุนออกแรงทำทุกอย่างด้วยตัวเอง เป็นยิ่งกว่าแบรนด์แอมบาสเดอร์ ตั้งแต่เป็นพรีเซ็นเตอร์ สร้างแบรนด์ให้ผู้บริโภคจดจำ (Brand Awareness) ตลอดจนการประชาสัมพันธ์ (PR : Public Relations) ผ่านสื่อทุกช่องทาง "สร้างภาพ" ตัวเองและสินค้าให้โดดเด่นเป็นเนื้อเดียวกัน แจกของรางวัลให้ผู้บริโภคด้วยตัวเอง ตลอดจนเป็นกูรูให้ความรู้ตามสถาบันการศึกษา
เรียกว่า "เล่นนอกรอบ" เหนือเกมการแข่งขันในสังเวียนชาเขียว"ตันเก่งในเรื่องพีอาร์ สิ่งที่เขาทำเป็นเหมือนการพูดใส่โทรโข่งที่ดังกว่าผู้เล่นรายอื่น ทำให้ขยายกำลังได้ไกลกว่า สะท้อนให้เห็นว่าวิธีการพูดนั้นสำคัญมาก และเขามี Innovation ในการทำตลาด" กูรูรายเดิมย้ำ ทั้งๆที่แท้จริงแล้ว หลักการตลาด 4Ps ของชาเขียวแต่ละค่ายไม่ต่างกัน เนื่องจากเป็นสินค้าทดแทนกันได้ (Replacement)ทว่า ความ"ได้เปรียบ"ของอิชิตันเหนือคู่แข่งคือ ความเป็นเจ้าของกิจการและแบรนด์ ทำให้เขา "กล้าได้กล้าเสีย" และยอมทุ่ม"ไม่อั้น" การขยับเขยื้อนเคลื่อนตัวยัง"รวดเร็ว" เมื่อเปรียบกับ "โออิชิที่แม้จะทุนหนาเพราะอยู่ใต้ปีกพี่เบิ้มอย่างบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) แต่การจะขยับอะไรสักอย่าง ล้วนมีขั้นตอนในแบบฉบับของบริษัท ทำให้ขยับได้ช้ากว่าตัน"ตันเป็นคนกล้าทุ่ม เรียกได้ว่าเสี่ยสั่งลุย ถึงได้ใจผู้บริโภคไปเยอะ ขณะที่โออิชิจะทำอะไรทุกอย่างต้องขึ้นอยู่ในงบประมาณที่ตั้งไว้"กูรูรายเดิมยังระบุว่า เมื่อชาเขียวเป็นสินค้าที่ทดแทนกันได้ ผู้บริโภคจึง "ไม่คิดมาก" ที่จะเลือกดื่มยี่ห้อไหน กลายเป็น"กรณีศึกษา"ถึงความล้มเหลวของแบรนด์ชาเขียวที่เข้ามารุกตลาดเมืองไทยก่อนหน้านี้ ที่ยากจะเข้ามาเจาะยางตัน
นั่นเพราะขนาดเบอร์ อย่าง "โออิชิยังส่อเสียแชมป์ระยะยาวให้ เบอร์ อย่าง "อิชิตัน""ภูริต ภิรมย์ภักดี" กรรมการบริหาร และผู้อำนวยการสายการตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์ นอน-แอลกฮอล์ บริษัทสิงห์ คอร์ปอเรชั่น หนึ่งในผู้ผลิตชาเขียวแบรนด์โมชิ และผู้กระจายสินค้าให้อิชิตัน ยอมรับว่า ถ้าเป็นเรื่องการทำแบรนด์ต้องยกให้ "ตัน" เป็นจุดแข็งและจุดขายของชาเขียว "เวลานึกถึงชาเขียว ผู้บริโภคจะนึกถึงคุณตัน เพราะเป็นผู้สร้างแบรนด์ชาเขียวให้ติดตลาด เขาเคยทำโออิชิมาก่อน" ภูริต ย้ำอีกหมัดเด็ดคือการกระจายสินค้าให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งอิชิตันใช้คู่แข่งตลอดกาลของไทยเบฟ (ผู้ผลิตเบียร์ช้าง) อย่างกลุ่มสิงห์ ให้รับทำหน้าที่กระจายสินค้าเจาะช่องทางขายต่างๆ ขับเคี่ยวกันแบบไม่ลดละจุดนี้แม้จะสู้ไทยเบฟยาก...แต่ก็สู้ไม่ถอย !!เมื่อเบอร์ อย่างโออิชิ กำลังถูกอิชิตันซิวแชมป์บางช่วงเวลา ในมุมมองของ "อนิรุทธิ์ มหธร" รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เขาลั่นประโยคเด็ดสั้นๆปรามว่า "เกมนี้ต้องดูกันยาวๆ"โดยเฉพาะภารกิจหลักในการ "ชิงคืน" ส่วนแบ่งการตลาด จากคู่แข่งให้กลับไปอยู่ที่ 60-70% ตามที่แม่ทัพ แมทธิว กิจโอธาน” กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิฯ ลั่นวาจาไว้ตั้งแต่ต้นปีถามว่าการแข่งขันในตลาดที่รุนแรง กังวลว่าจะเพลี่ยงพล้ำพ่ายต่ออิชิตันแบบยาวๆ หรือไม่ เขาบอกว่า เราคงไม่ปล่อยไปง่ายๆ” พร้อมขยายความว่า คู่แข่ง (อิชิตัน) มีสิทธิ์ที่จะทำตลาดทุกรูปแบบเพื่อให้เป็นผู้นำตลาด แต่มันไม่ง่ายนักที่จะยอมให้เขายึดเอาตำแหน่งไป ต้องสู้กันนะ เราต้องรักษาฐานลูกค้าไว้ยิ่งไปกว่านั้นคือการรักษาคุณค่าหลัก (Core value) ของโปรดักท์ คือการเป็นชาเขียวญี่ปุ่นดั้งเดิม นี่คือตัวตนของโออิชิ และเป็นจุดยืนที่ต้องคงไว้อย่างเข้มข้น
สิ่งที่ทำให้อนิรุทธิ์ ในฐานะรองแม่ทัพโออิชิมั่นใจเช่นนั้น เพราะเชื่อในแบรนด์ที่แข็งแกร่ง พ่วงตำแหน่งต้นตำรับชาเขียวญี่ปุ่นในไทยการอยู่ภายใต้อาณาจักรไทยเบฟ ยังพร้อมด้วย กระสุนทุน" ที่จะใช้อัดกิจกรรมส่งเสริมการขายได้ไม่ด้อยกว่าใคร หากมองมุมนี้ มันดูอหังการไปว่าเรามีเงิน โอ่ไปหน่อย" อนุรุทธิ์ ว่าอย่างนั้น แต่ยอมรับว่า หากขาดเหลือที่ต้องลงทุนเพิ่ม จุดนี้คือความสะดวก คล่องตัวที่สำคัญโออิชิมี "กระดูกสันหลัง"เสริมใยเหล็กนั่นคือ ระบบการจัดจำหน่ายและการกระจายสินค้า ผนึกพลังกับบริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) ที่มีเครือข่ายร้านค้ากว่า แสนร้าน ทำหน้าที่ปูพรมเจาะร้านค้าทั่วไป กินรวบตลาดกว่า 80% จากร้านค้าทั่วประเทศทั้งสิ้นราว 3.5 แสนร้านค้าพอร์ตสินค้าโออิชิ ยังมีหลากหลายทั้งรสชาติ และบรรจุภัณฑ์ เช่น กล่องยูเอชที ขวดพลาสติก ขวดแก้ว ชาคูลล์ซ่าบรรจุกระป๋องโออิชิฟรุตโตะฯลฯ ถือเป็นการขับเคลื่อนโปรดักท์ด้วย นวัตกรรม” การนำเสนอสินค้าใหม่ๆออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย และทุกช่องทางการจัดจำหน่าย
นี่คือสิ่งที่รองแม่ทัพโออิชิ สะท้อนให้เห็น จุดแข็ง” ทั้งองคาพยพของโออิชิมาสำรวจตลาดชาเขียวหน้าร้อนปีนี้กันบ้าง โปรโมชันนั้นแรง!! ของ แบรนด์ แข่งกันดึงกำลังซื้อผู้บริโภคด้วยการ ชิงโชค” ผ่านรหัสใต้ฝา ดันองศาการแข่งขันเดือด! ทุกช่องทางไม่ว่าจะเป็นการกระหน่ำเม็ดเงินผ่านสื่อโฆษณา และโซเชียลเน็ตเวิร์คถี่ยิบ อิชิตันเทงบ 180 ล้านบาท โหมแคมเปญ ลุ้นรหัสรวยเปรี้ยง 60 วัน 60 ล้าน Return” ขนไอโฟนมาแจก 1,230 เครื่อง เบิกฤกษ์ตั้งแต่ 25 กุมภาพันธ์ ถึง มิถุนายน 2556
โออิชิก็ทุ่มงบราว 250 ล้านบาท ถล่มกลับผ่านแคมเปญ รหัสโออิชิลุ้นรวยทุกชั่วโมง” นอกจากจะได้ลุ้นเป็นเศรษฐีเงินล้านทุก โมงเย็น ยังเกทับให้ลุ้นทองคำมูลค่า หมื่นบาท ชั่วโมงละ รางวัล อัดฉีดกันยาวตั้งแต่ มีนาคม ถึง 31 พฤษภาคม 2556
ซัดกันฝุ่นตลบ ส่วนจบเกมใครเฉือนแชมป์...ต้องลุ้น! เพราะแค่จบไตรมาสแรก อิชิตัน ขึ้นแท่นแชมป์! ไปแล้วสถานการณ์ดังกล่าว อนิรุทธ์ ชี้ให้เห็นเม็ดเงินที่โปรยลงไปจาก ค่ายก็ร่วมๆ 1,500 ล้านบาท!!ตอนนี้ก็มีแค่ รายที่ทุ่มงบทำตลาด คู่แข่งที่เหลือก็เลิกไปแล้ว” อนุรุทธิ์ ระบุด้วยโปรโมชันที่จูงใจคนไทยชอบเสี่ยงโชค แน่นอนว่า บูมตลาดชาเขียวให้ขยายตัวสูง แต่หลังหมดโปรโมชันแรงๆเมื่อไหร่ คงต้องจับตาตลาดชาเขียวอีกครั้งว่าการเติบโตจะ ทรงตัว” หรือไม่ "ในมุมของโออิชิมองว่าการทำการตลาดผ่านโปรโมชันไม่ใช่สิ่งที่ยั่งยืน แค่กระตุ้นการบริโภคให้หวือหวาชั่วคราวเท่านั้น โปรโมชันใหญ่ยักษ์จึงเห็นแค่ ครั้งต่อปี ปลุกไฮซีซั่นในหน้าร้อน และไตรมาส ก่อนปิดจ๊อบเท่านั้น" อนิรุทธิ์ เผยจากกระแสความแรงของซีอีโอตัน ที่ลงทุนออกแรงปั้นแบรนด์อิชิตันด้วยตัวเอง ตั้งแต่เป็นพรีเซ็นเตอร์ จัดแคมเปญ มอบโชค กระทั่งสำรวจตลาดไฉน ? ...โออิชิ ไม่ส่งผู้บริหาร "กรำศึก" ซะเอง อนิรุทธ์ ย้ำชัดว่า โออิชิบอกตั้งแต่แรกแล้วว่า เราจะไม่ขับเคลื่อนยอดขายสินค้าโดยบุคคล (Personality) ไม่อยากให้แบรนด์เติบโตอย่างยั่งยืนด้วยซีอีโอ แต่ต้องเกิดจากตัวสินค้าเองฝั่งอิชิตัน ผู้ท้าชิงตำแหน่งแชมป์ ตัน ยอมกลืนน้ำลายตัวเอง กลับมาผลิตชาเขียวแข่งกับเจ้าสัวเจริญ แถม "โค่นโออิชิลงจากบัลลังก์ ความสำเร็จนั้นเกิดจากแคมเปญ อิชิตัน ลุ้นรหัสรวยเปรี้ยง 60 วัน 60 ล้าน” ที่โดนใจกลุ่มเป้าหมาย การ Return แคมเปญดังกล่าว ก็เพื่อยัดเยียดความปราชัยให้กับบิ๊กเพลเยอร์ ได้หงายเก๋งเป็นพักๆตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวย บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด ย้ำประโยคเด็ด "เคยเป็นเบอร์ รู้ว่ามาร์เก็ตแชร์ไม่สำคัญ เท่ากับกำไรขาดทุน หากเป็นผู้นำตลาดแล้วไม่มีกำไร ผมขอทำแล้วมีกำไรและเติบโตดีกว่า" จึงเป็นพันธกิจให้นักมาร์เก็ตกลิ้งคนนี้ มุ่งสร้างยอดขายและแสวงหากำไรขับเคลื่อนธุรกิจสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
กลยุทธ์การตลาดสำคัญที่เป็นเครื่องมือโค่นโออิชิให้ตกเก้าอี้แชมป์ได้ ตันยกให้ "ผลิตภัณฑ์"เป็นหัวใจสำคัญสุด เพราะหากสินค้าไม่เจ๋ง ต่อมีโปรโมชันดีแค่ไหน ก็คงไม่เกิดประโยชน์ และนั่นทำให้อิชิตันตั้งหน่วยวิจัยและพัฒนา(R&D) มีทีมงานเพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค
ส่งผลให้บริษัทของเขา ผลิตสินค้านวัตกรรม 3-4 รายการต่อปี แถมโดนใจลูกค้าหลายรายการ (SKU) เห็นได้จากชาเขียวอิชิตัน ที่จำหน่ายออกไปในหลายช่องทาง ตบเท้าติดท็อปเทนมากถึง 6-7 รายการ แซงหน้าโออิชิที่ฮิตติดลมบนราว 3-4 รายการ กระทั่งรสชาติยอดนิยมอย่างน้ำผึ้งผสมมะนาว ก็เฉือนกันไปมาระหว่างโออิชิ กับอิชิตัน
นอกจากนี้ อิชิตัน ยังเป็นแบรนด์สินค้าที่มี "ความใกล้ชิด" ผู้บริโภคและ"ยืดหยุ่นสูง" เห็นได้จากที่ผ่านมาการเข้าถึง "ลูกค้า" ไม่ว่าจะเป็นการจัดอีเวนท์ การแบ่งปันสังคมล้วนเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคสัมผัสได้
ตันยังบอกอีกว่า ตัวเขาเองยังเป็น Magnet หรือแม่เหล็กสำคัญในช่วยสร้างแบรนด์อิชิตัน เพราะเทียบกับการดึงศิลปินดาราดังมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ การรับรู้และจดจำแบรนด์จะยากขึ้น เพราะดาราบางคนเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับสินค้าหลายแบรนด์ วัดได้จากแฟนเพจบน Facebook ที่ Ichiton และตัน ภาสกรนที มีแฟนคลับกว่า 1.8 ล้านคน และกว่า 3.3 ล้านคนตามลำดับ สูงเป็นเท่าตัว เมื่อเปรียบเทียบกับ Oichi Drink Station ของโออิชิ ที่มีแฟนเกาะติดกว่า 7.8 แสนคน
"เฟซบุ๊คเรามีแฟนเพจเยอะกว่า เวลาทำกิจกรรม แจกรางวัลจะมีคนมาคอมเมนต์จำนวนมาก เพราะผู้บริโภคสัมผัสได้จริง อีกทั้งกิจกรรมที่เราทำบนโซเชียลมีเดียก็มีการขอบคุณ ให้กำลังใจ ยิ่งการลงไปมอบโชคแจกรางวัล ไม่เราลงไปแจกแค่เงินแล้วกลับ แต่ได้ให้ข้อคิด สอนวิธีการบริหารและใช้จ่ายเงินที่ได้มา บางคนยังพาไปหาหมอ ไปเจรจาปลดหนี้ สร้างความประทับใจคำนี้ถ้าเราบอกตัวเองคงไม่สำคัญเท่ากับคนอื่นเป็นคนบอกเรา" ตันขยายความนั่นยังเป็นกลยุทธ์สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า(CRM)แบบถึงลูกถึงคน ท้ายที่สุดจะกลายเป็นพลังแห่งความจงรักภักดี (Loyalty) ต่อแบรนด์อิชิตันแบบหยั่งรากลึก เมื่อคู่แข่งงัดโปรโมชันหั่นราคาขายซึ่งเป็นเรื่องอ่อนไหวสำหรับชาเขียว(Price sensitive) แต่กลับทำให้ยอดขายอิชิตันไม่กระเทือนมากนัก ในทางกลับกันเมื่ออิชิตันหั่นราคาจะกระทบยอดขายของคู่แข่งทันที " เขาบอกเช่นนั้นก็ตาม ตันคาดการณ์ว่าแนวโน้มตลาดชาเขียวทั้งปี 2556 ว่า จะเติบโตที่ 30% มูลค่าตลาดรวมทยานแตะ 1.5 หมื่นล้านบาท ยอดขายที่โตพุ่ง น่าจะทำให้ทั้งปีอิชิตันจะส่วนแบ่งการตลาดที่ 35% โดยเบอร์ จะกลับไปอยู่ที่โออิชิ ที่คาดว่าจะกลับมามีส่วนแบ่งราว 40% บวกลบ
สมรภูมินี้เอาเข้าจริงแล้ว ตันยังเห็นว่า เขายังเป็นเบอร์รอง แต่ทำตลาดเพียง ปี มีส่วนแบ่งตลาดสูง ได้เป็นเบอร์ คือผลพลอยได้ "เราจะไม่สู้ตาย แต่จะขอโตและมีกำไร" ถึงวันนี้อิชิตัน ลงทุนร่วมๆ 5,000 ล้านบาท เพื่อสู้ศึกยักษ์ใหญ่ชาเขียวเต็มที่
เขาเปรียบการแข่งขันครั้งนี้ว่า "เป็นการต่อกรกับไดโนเสาร์ และผมขอเป็นไดโนเสาร์พันธุ์เล็กที่พอจะแข่งได้แม้ไม่ชนะ แต่จะไม่หนี เหมือนแบรนด์ชาเขียวดังๆในอดีต" 
-------------------------------------------------------------------
"เราไม่มีทางสู้ได้เลย 
ดิสทริบิวชั่นเขาแข็งแกร่งมากๆ"
แม้ "อิชิตัน" จะเต็มไปด้วยจุดแข็ง แต่ตันยอมรับเองว่า จุดอ่อนสำคัญที่ทำให้อิชิตัน "ยาก" ที่จะก้าวขึ้นเป็นเบอร์ในตลาดชาเขียวพร้อมดื่มในระยะยาวได้ นั่นคือ ในเรื่อง "การกระจายสินค้า" (Distribution) ที่แม้อิชิตันจะได้กลุ่มสิงห์ ยักษ์ใหญ่ในสังเวียนเบียร์ มากระจายสินค้าให้ แต่ก็ยังแพ้ทาง "โออิชิที่ได้ "ตัวพ่อ" อย่างเสริมสุขฯ บริษัทในร่มเงาของไทยเบฟมาเป็นแรงหนุนสำคัญ คำนวณแล้ว ช่องทางการกระจายสินค้าของอิชิตัน ผ่านร้านค้าทั่วไป (Traditional Trade) ของบุญรอดฯ ทำได้เพียง 50% "ห่างชั้น" เสริมสุขฯ ที่กินรวบตลาดนี้ได้ถึง 80%
อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบในแง่ "ยอดขายต่อร้าน" ตันให้ข้อมูลว่า อิชิตันมียอดขายมากกว่าโออิชิราว 20-30% แต่เมื่อมีจำนวนร้านที่จำหน่ายมีน้อยกว่าโออิชิ สะระตะออกมาแล้ว ยอดขายก็ยังสู้โออิชิ ไม่ได้
"ตัวแปร" เรื่องช่องทางการกระจายสินค้า จึงทำให้ตันเชื่อว่า.. ต่อให้ทำเต็มที่แค่ไหน ดีที่สุดในระยะยาว ก็ทำได้แค่เบอร์ 2
หากวัดขุมกำลังในการกระจายสินค้าแล้ว อิชิตันไม่มีทางเทียบโออิชิได้เลย จากความ "ครบวงจร" ของบริษัทแม่อย่างไทยเบฟ ที่มีเครือข่ายการกระจายสินค้าที่แน่นปึ้กอย่างเสริมสุข ไม่รวมรูปแบบการขายโออิชิผ่านระบบโควตา ขายพ่วงสินค้าอื่นในพอร์ตไทยเบฟ
"เราไม่มีทางสู้ได้เลย ดิสทริบิวชั่นเขาแข็งแกร่งมากๆ โดยเฉพาะเสริมสุขเป็นตัวแปรสำคัญในการกระจายสินค้าที่ไม่มีวันทำได้เทียบเท่า อีกทั้งโออิชิยังได้เปรียบเพราะมีเงินทุนมหาศาลด้วย"
    BCG Matrix
BCG Matrix คือ โมเดล ที่ใช้วิเคราะห์ด้านการเงินการลงทุนเกี่ยวกับการตลาด โดยการเริ่มต้นของ GE (General Electric) และBoston Consulting Group (BCG) BCG matrix จะแสดงฐานะหรือความแข็งแกร่งของบริษัทเมื่อเทียบกับตลาดสินค้านั้นๆ โดยใช้เกณฑ์ในการพิจารณา 2 เกณฑ์ คือ
1.  ส่วนแบ่งตลาดเชิงเปรียบเทียบ (Relative Market Share) เป็นการเปรียบเทียบกับคู่ แข่งว่าส่วนแบ่งตลาดของผลิตภัณฑ์ของบริษัทเป็นกี่เท่าเมื่อเทียบกับคู่แข่งที่สำคัญ
2.  ความน่าสนใจของตลาด (Market Attractiveness) หรือ อัตราการเติบโตของตลาดสินค้า (Market Growth Rate) คือ อัตราการขยายตัวของตลาดสินค้าทั้งตลาดไม่ใช่ของบริษัท เพราะเกณฑ์ที่ใช้นี้เพื่อต้องการดูว่าตลาดสินค้านั้นๆ มีความน่าสนใจมากน้อยเพียงใด
ผลที่รับจาก BCG Matrix
1.Star ได้แก่ธุรกิจที่มีส่วนแบ่งตลาดสูง อัตราความเจริญเติบโตสูง ธุรกิจได้กำไรสูงอันเกิดจากตลาดโตอย่างรวดเร็ว ดังนั้น มักมีเงินสดน้อยหรือขาดแคลนเงินสด  บริษัทควรที่จะขยายตลาด ลงทุนเพิ่ม อย่าให้ใครมาแซงเรา ที่ระดับนี้ตลาดยังเจริญเติบโตอีก ดังนั้น ให้ขยายตลาด
2.Cash Cow เปรียบเหมือแม่วัวที่ให้เงิน เป็นธุรกิจที่มีส่วนแบ่งตลาดสูง อัตราการเจริญเติบโตต่ำ ธุรกิจได้กำไรสูง และมีเงินสดเหลืออยู่มากเพราะตลาดเจริญเติบโตน้อย และอาจนำเงินสดไปลงทุนในธุรกิจอื่น  ถ้าบริษัทไหนอยู่ในช่วงนี้ เราก็สามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้แล้ว เพราะว่าไม่ต้องขยายตลาด เนื่องจากตลาดมันโตเต็มที่แล้ว ถ้าตลาดยังสามารถที่จะโตได้อีก จะต้องอยู่ในช่วง Starตัวอย่าง ถ้าเป็นสินค้า ถึงตลาดไม่โตแล้ว แต่เรายังคงต้องปรับปรุงสินค้า เช่น ดูแลเรื่อง packaging
3.Question Marks ได้แก่ธุรกิจที่มีส่วนแบ่งตลาดต่ำในตลาดที่มีอัตราการเจริญเติบโตสูง ธุรกิจกำไรน้อย ทั้ง ๆ ที่มีโอกาส เพราะมีปัญหาในการดำเนินงาน
4.Dogs ได้แก่ธุรกิจที่มีส่วนแบ่งตลาดต่ำ อัตราการเจริญเติบโตต่ำ ธุรกิจกำไรน้อย ขีดความสามารถต่ำ
สมมุติว่า ตอนนี้บริษัทอยู่ในช่วง Question Marks ตอนที่ตลาดกำลังโต เราก็ได้สร้างธุรกิจใหม่ เราก็หวังว่าธุรกิจใหม่มันจะโตต่อไป อยู่ไปอยู่มาตลาดมันก็ช้าลง แต่เรายังสู้คู่แข่งไม่ได้ ดังนั้น Question Marks เลื่อนลงมาเป็น dogs เพราะตลาดไม่โตแล้ว แต่ Market Share ยังน้อยอยู่หรือถ้าบริษัทเราอยู่ในช่วง Star ถ้าเกิดตลาดหยุดโต และบริษัทไม่ดูแลสินค้าให้ดี หรือเกิดคุณภาพของสินค้าตกต่ำดังนั้น Star ก็จะเปลี่ยนเป็น dogsหรือถ้าบริษัทเราอยู่ในช่วง Cashcows ถ้าเกิดไม่ดูแลสินค้าให้ดี Market Share ลดลงดังนั้น Cashcows ก็จะเปลี่ยนเป็น dogsในขั้น Star, Cash cows จะต้องมีการดูแลคุณภาพสินค้าให้ดี ทำสินค้าให้ทันสมัย มิเช่นนั้นกลายเป็น dogs


  ตัวอย่าง งานอาจารย์สุดาพร (สำหรับ การตลาด 4-3 )


  1.     อิชิตันบริหารโดย ตัน ภาสกรนทีและในส่วนของ  BCG นั้น อิชิตันได้อยู่ใน ขั้น Question Marks เพราะตลาดมีการเติบโตดีแต่มีส่วนแบ่งตลาดและการกระจายสินค้า" (Distribution) ที่อิชิชิตัน "ยาก" ที่จะก้าวขึ้นเป็นเบอร์ในตลาดชาเขียวพร้อมดื่มในระยะยาวได้ถึงแม้อิชิตันจะได้กลุ่มสิงห์ ยักษ์ใหญ่ในสังเวียนเบียร์ มากระจายสินค้าให้ แต่ก็ยังแพ้ทาง "โออิชิที่ได้ "ตัวพ่อ" อย่างเสริมสุขฯ บริษัทในร่มเงาของไทยเบฟมาเป็นแรงหนุนสำคัญ คำนวณแล้ว ช่องทางการกระจายสินค้าของ อิชิตัน ผ่านร้านค้าทั่วไป (Traditional Trade) ของบุญรอดฯ ทำได้เพียง 50% "ห่างชั้น" เสริมสุขฯ ที่กินรวบตลาดนี้ได้ถึง 80% ดั้งนั้น อิชิตันได้ใช้เงินลงทุนจำนวนมากที่จะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดให้มากขึ้น โดยทำ แคมเปญ อิชิตัน ลุ้นรหัสรวยเปรี้ยง 60 วัน 60 ล้าน” ที่โดนใจกลุ่มเป้าหมาย การ Return ซึ่ง ใช้งบ 180 ล้านบาท  และยังแจก ไอโฟน 5 1,230 เครื่อง เบิกฤกษ์ตั้งแต่ 25 กุมภาพันธ์ ถึง 3 มิถุนายน 2556 เพื่อเพิ่มมุ่งสร้างยอดขายและแสวงหากำไรขับเคลื่อนธุรกิจสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน และยังคาดการณ์ว่าแนวโน้มตลาดชาเขียวทั้งปี 2556 เป็นดังรูป