สำหรับสาวๆที่อยากมีใบหน้าขาวใสเรียบเนียนลดลอยสิวด้วยวิธีง่ายๆสามารถทำเองได้ที่บ้านสาวๆคนไหนสนใจรองทำดูนะคร้า....เราเป็นผู้หญิงยุคใหม่อย่าหยุดสวย

วันพุธที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ตารางสอบ ของการตลาด 4-3 นะจร้า ตั้งใจอ่านสือกันได้แล้วนะเพื่อนๆ



ตารางสอบกลางภาค/ปลายภาค

ตารางสอบ
รหัสวิชาชื่อรายวิชากลุ่มสอบกลางภาคสอบปลายภาค
  1211005  English Conversation
สนทนาภาษาอังกฤษ
1--
  5211318  E-Marketing
การตลาดอิเล็กทรอนิกส์
2(C) 24 ก.ค. 2556
เวลา 13:00-15:30 
(C) 30 ก.ย. 2556
เวลา 13:00-16:00ห้อง 000
  5211422  Marketing Management
การจัดการการตลาด
2(C) 29 ก.ค. 2556
เวลา 13:00-15:30 
(C) 3 ต.ค. 2556
เวลา 13:00-16:00ห้อง 000
  5211423  Marketing Research
การวิจัยการตลาด
2(C) 25 ก.ค. 2556
เวลา 09:00-11:30 
(C) 1 ต.ค. 2556
เวลา 09:00-12:00ห้อง 0000

หมายเหตุ   C = Lecture  L = Lab  R = ประชุม  S = Self Study  T = ติว

วันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

8 วิธี รัก อย่างไร ไม่ให้ตัวเองเป็น “ของตาย”

8 วิธี รัก อย่างไร ไม่ให้ตัวเองเป็น “ของตาย”
           เราต่างก็รู้ว่าคน รัก กันความซื่อสัตย์ต้องมาอันดับ 1 เสมอ แต่ถ้า รัก กันมานานแล้วชีวิตเรียบง่ายเกินไปมันก็ใช่ว่าจะดี เมื่อระยะเวลาของความรักยังคงแปรผันตรงกับความเมื่อหน่ายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วเราจะมามัวทำตัวเรียบๆ ตลอดเวลาได้อย่างไร ถ้าไม่อยากถูกเรียกว่าเป็น ของตาย ของใคร ก็ต้องลองสะกิดหัวใจเขาด้วยวิธีค้นๆ แบบนี้ล่ะ
 หัดไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง
หลายคนพอมีคู่รักแล้วมักจะตัดขาดกับเพื่อนฝูงราวกับชีวิตนี้ไม่ต้องมีใครแล้วก็ได้ เพื่อนชวนไปเที่ยว ช้อปปิ้ง ดูหนังก็เบี้ยวเพื่ออยู่ร่ำไประวังเถอะสุดท้ายจะไม่เหลือใครถ้ามัวแต่คอยเกาะแฟนแจขนาดนี้การมีเพื่อนทำให้ชีวิตคุณสดใสไม่หยุดนิ่งกับที่ ยิ่งไปไหนกับเพื่อนๆ โดยไม่มีแฟนก็ยิ่งเป็นการบริหารเสน่ห์ให้ตัวคุณได้มากโขและจะทำให้เขากังวลถึงคุณมากขึ้นอีกด้วย ดีมั้ยล่ะ!

คุยกับหนุ่มคนอื่นบ้าง
ทีเขายังมีเพื่อนผู้หญิงได้เลย จะมัวไปคอยตามหึงตามหวงเขากับเพื่อนสาวทำไมกัน คุณเองก็มีเพื่อนต่างเพศได้เหมือนกันนะ ลองเปิดใจมีเพื่อนผู้ชายไว้บ้างก็ได้ แค่อย่าคิดอะไรเกินเลยเท่านั้นละ (อย่าลืมว่าเราแค่กำลังทำให้ตัวเองไม่เป็นของตาย) ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนผู้ชายที่ทำงานด้วยกัน หรือเพื่อนผู้ชายที่ไปเปรี้ยวกันได้เป็นกลุ่มๆ ก็ทำให้เขาร้อนๆ หนาวๆ ได้ตลอดเวลาจนต้องโทรหาคุณตลอดแล้วล่ะ

ชมผู้ชายคนอื่นอย่างออกหน้า

ไม่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นดารา เป็นนักการเมือง เป็นผู้ชายเก่งๆ หรือเพื่อนของคุณ คุณก็สามารถเอ่ยคำชมถึงคนเหล่านั้นให้คู่ของคุณฟังได้ (เช่น หนุ่มๆ ใน HAIRWORLD เล่มนี้) ไม่ใช่เอะอะก็ชมแต่เขาคนเดียวจนตัวลอย และยังเป็นเคล็ดลับทางอ้อมให้เขารีบพัฒนาตัวเอง ลุกขึ้นมาแต่งตัวดีๆ และทำสิ่งดีๆ ให้กับคุณอีกด้วย แต่ข้อห้ามก็คือชมคนอื่นได้แต่อย่าได้เอาเขาไปเปรียบเทียบด้วยล่ะ เดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องกันพอดี
 
 เป็นสาว Shopaholic ดูซะบ้าง
ผู้หญิงบางคนไม่ชอบแต่งตัวเพราะคิดว่าไม่ต้องการใครอีกแล้ว ไม่ก็โดนแฟนเบรกเวลาจะซื้อเสื้อสวยๆ สักตัว จากสาวงามระดับดาวมหาลัยเลยกลายเป็นป้าไปในบัดดล เวลาไปเที่ยวกับเขาก็แต่งตัวเรียบๆ ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น อยากบอกว่า “อย่ายอมเด็ดขาด” ไม่มีเหตุผลไหนดีพอที่จะทำให้ผู้หญิงเลิกแต่งตัวสวย ไม่ว่าคุณจะมีลูกแล้วหรือย่างเข้าวัย 40 แล้วก็ตาม ขยันแต่งตัวให้ได้อย่างป้ามาดอนน่าหรือเคมี่มัวร์ดูบ้าง ออกไปช้อปปิ้งกับเพื่อนฝูงหรือไปคนเดียวก็ได้ (ไม่ต้องให้เขามาขัด) พอคุณสวยแล้วก็จะมีหนุ่มๆ มามองเยอะแยะ เขาก็ยิ่งจะหวง (ก้าง) มากขึ้นเท่านั้น รับรองว่าจะต้องกังวลสายตาคนอื่นจนไม่มีกะจิตกะใจมองสาวคนใดอีกต่อไปแล้ว
รักษาหุ่นให้เป๊ะตลอด

ผู้หญิงเรานี่ก็แปลก เวลาเห็นแฟนหนุ่มมองสาวคนอื่นๆ เป็นต้องลมออกหูไปเสียทุกครั้ง แต่ไม่เคยดูตัวเองในกระจกเลยว่าทำไมเขาถึงชอบชายตาหาสาวสวยอยู่เรื่อย หันมาดูแลตัวเองให้สวยเช้งตลอดเวลาดีกว่า ออกกำลังกาย ควบคุมอาหาร รักษารูปร่างให้ดูดีเหมือนตอนแรกๆ ที่คุณเจอกัน ไม่ใช่เห็นว่าตัวเองมีแฟนแล้วก็ปล่อยเนื้อปล่อยตัว อย่าเชื่อผู้ชายที่บอกว่าคุณไม่อ้วน คุณต่างหากที่ต้องตัดสินตัวเอง ยังไงเสียแล้วคนหุ่นดีก็มีชัยไปกว่าครึ่ง ไม่หลงไม่รักให้มันรู้ไป!
 
แกล้งทำตัวห่างเหิน
ปล่อยให้เขาคิดถึงคุณจนเกิดอาการจิตหลอนด้วยการปฏิเสธที่จะเจอกันทุกวันเหมือนแต่ก่อน จากนั้นคุณก็ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ตะลุยราตรีหรือจะไปเสริมสวย เข้าสปาให้สบายจิตก็ย่อมได้ นี่ก็เป็นอีกวิธีที่จะทำให้เขาโหยหาคุณจนแทบคลั่งได้เหมือนกัน

 ใช้ Internet ให้เป็นประโยชน์

เราสามารถใช้อินเตอร์เน็ตในการบริหารเสน่ห์ได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Myspace, Facebook หรือ Hi5 โพสต์รูปสวยๆ แบบไม่ต้องมีแฟนประกบข้างเยอะๆ เข้าไว้ เวลามีหนุ่มๆ เข้ามาคุยก็ตอบไปแบบพอหอมปากหอมคอ ถ้าให้เด็ดต้องหาเพื่อนเป็นหนุ่มน่ารักๆ ไว้คอยคุยแก้เหงากุ๊กกิ๊กให้ฉ่ำหัวใจ ถ้าแฟนหนุ่มเขาจะทำบ้างก็ปล่อยเขาไปถือว่าแฟร์กันทั้งสองฝ่าย ผู้ชายถ้ายิ่งไม่หวงเขาจะยิ่งหลงเราเหมือนอยากจะเอาชนะ ของอย่างงี้อย่าไปยอมง่ายๆ ก็เราเป็นสาวฮอตอยู่แล้วนี่นา

 โทรหาเขาน้อยๆ หน่อยนะ

เลิกโทรศัพท์หาเขาทุกชั่วโมงได้แล้ว มันน่าเบื่อจะตายที่ต้องฟังเสียงคุณทั้งวัน โทรไปแค่พักกลางวันกับหลังเลิกงานก็น่าจะพอเพียง (แถมก่อนนอนให้อีกหน่อยก็ได้นะ) แต่ถ้าจะให้ดีคุณลองไม่ต้องโทรเลย ปล่อยให้เขาโทรมาหาคุณเองจะดีที่สุด แล้วถ้าเขาโทรมาก็ไม่ต้องรีบรับ ปล่อยให้ดังนานๆ หรือหลุดไปบ้างก็ได้ จากนั้นก็ค่อยโทรกลับไปทำอย่างนี้หลายๆ วันเข้า รับรองว่าเขาจะต้องคลั่งโทรหาคุณทั้งวันอย่างแน่นอน

วันอังคารที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

วิธีการสร้างความสามัคคี

      หาก จะพิจารณาให้ดี การสร้างความสามัคคีนั้นแท้จริงแล้วไม่ได้มีความยากเลย การจะสร้างความสามัคคีได้นั้นต้องเริ่มจากความจริง ทำให้ทุกคนในสังคมนั้น ๆ เห็นความจริงให้ได้ ความจริงในเรื่องเหตุการณ์หนึ่งจะมีคำตอบเพียงคำตอบเดียวแล้วพูดได้อย่าง เดียวเท่านั้น แต่ความเท็จในเรื่องนั้น ๆ มีอยู่มากมาย ฉะนั้นเมื่อผู้เขียนพูดอะไรหรือเคยทำอะไรไป ความจริงนั้นย่อมมีอยู่อย่างเดียวเสมอ หากผู้เขียนจำอะไรผิดจะมีคนนำความจริงที่ผู้เขียนเคยทำมายืนยันเสมอ แล้วสิ่งที่ทำให้ไม่เกิดความจริงขึ้นในสังคม อย่างสำคัญมากคือการกระทำอะไรอย่างมีลับลมคมใน ซึ่งผู้เขียนเองจะบอกสหายธรรมเสมอว่า ถ้าใครพูดหรือเล่าอะไรมาถือว่าเรื่องนั้นเป็นความจริงจากผู้เล่าเสมอ หากผู้เล่าได้เล่าเรื่องไม่ตรงความจริง  ย่อมเป็นเหตุให้ผู้เล่าสร้างกรรมอันเป็นบาป   แล้วผู้นั้นต้องรับผลกรรมนั้นไว้เอง    ความ จริงที่เกิดขึ้นแล้วถูกสร้างขึ้นด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5 หาได้ไม่ยาก ใครทำอะไรไว้ก็เปิดเผยให้รู้กันไปโดยทั่วกัน แล้วรับรู้ความจริงร่วมกันว่านั่นเป็นความจริง ไม่ว่าตนเองหรือใครจะทำผิดหรือถูกตามข้อเท็จจริง ก็ให้ยอมรับกันไปเช่นนั้น ความสามัคคีจะเกิดขึ้นได้เมื่อความจริงปรากฏเท่านั้น ความจริงที่เกิดขึ้นแล้วรับรู้ในสัมผัสที่ 6 นั้นยากกว่ามาก เพราะเราจะใช้ตรรกะที่รับรู้กันโดยประสาทสัมผัสทั้ง 5 ไม่ได้ การพิสูน์ผลได้อย่างเดียวคือการใช้วิธีอธิษฐานจิตเท่านั้น เช่นสมมุติว่ามีอาการปวดท้องเกิดขึ้น อยากรู้ว่าเกิดขึ้นจากสภาพร่างกายหรือเกหิดขึ้นจากอาการที่เกิดขึ้นในสมาธิ เมื่ออธิษฐานจิตไว้แล้ว ให้ปล่อยว่างเอาไว้อย่าไปคิดอะไรล่วงหน้า หากคิดอะไรหรือคาดผลไว้ล่วงหน้าว่าจะเป็นอย่างไร ผลนั้นจะใช้ไม่ได้เพราะจะเป็นอุปทานทันที ไม่ ว่าจะเป็นความจริงจากการรับรู้ด้วยประสาทปกติหรือจากสัมผัสที่ 6 ความจริงนั้นย่อมมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น แล้วไม่ว่าจะเป็นความรู้จากประสาทสัมผัสทั้ง 5 ปกติกับความรู้ที่มาจากสัมผัสที่ 6 ผลที่วัดความจริงแท้แน่นอนขั้นสุดท้ายคือตอนที่ตายไปแล้ว เพราะหากเราตายความจริงทุกอย่างจะปรากฏขึ้น แต่ว่าอย่ารอให้ตายก่อนเพื่อจะได้รู้ความจริง เพราะนั่นเป็นเรื่องที่สายมากแล้ว จะต้องพิสูจน์ความจริงให้ได้ตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ แล้วความจริงที่รู้มาจากสัมผัสทั้ง 5 ปกติก็ใช้หลักการพิสูจน์ตามกระบวนการปกติ แต่ที่สำคัญคือการพิสูจน์ความจริงในสัมผัสที่ 6 จะใช้ครรกะหรือวิธีการในการพิสูจน์ความจริงตามวิธีปกติไม่ได้ หากใช้วิธีนั้นจะไม่มีทางได้ความจริงได้เลย ต้องใช้วิธีตามย่อหน้าที่แล้วเท่านั้น โดยผู้ใช้ต้องมีความชำนาญในการตัดอุทานทั้งปวงอย่างยิ่งยวดจึงจะคำตอบ หนึ่ง ในนโยบายการเขียนเว็บของผู้เขียน คือการทำความจริงให้ปรากฏเท่านั้น เทพหรือใครทำอะไรอย่างไรดีหรือไม่ดี ทำเอาไว้ในปัจจุบันหรืออดีตชาติ จะต้องถูกเปิดเผยให้ได้มากที่สุด ผู้เขียนเคยทำอะไรไม่ดีเอาไว้ ใครทำอะไรไม่ดีเอาไว้ หรือใครทำดีเอาไว้หรือทำไม่ดีเอาไว้ จะต้องทำให้ความจริงปรากฏขึ้นมาให้มากที่สุด เมื่อความจริงปรากฏขึ้นแล้ว เมื่อทุกฝ่ายยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น จะทำอย่างไรกับสิ่งที่รู้มา หรือจะให้ยอม ๆ กันไปหรือให้เรื่องจบ ๆ กันก็แล้วแต่ แต่ทุกอย่างอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ทุกคนยอมรับความจริง ใครทำอะไรไม่ดีเอาไว้ให้ตนเองเล่าความไม่ดีของตนให้ผู้อื่นได้รู้แล้วเล่า ความดีของผู้อื่น ต่างคนต่างเล่าจะนำไปสู่ความสมานฉันท์และปหรองดองบได้ในที่สุด โดยเฉพาะความรู้ที่มีอยู่ในสัมผัสที่ 6 ผู้เขียนก่อนจะนำมาเล่าผู้เขียนได้ใช้วิธีการพิสูจน์ตามที่อธิบายมาแล้วนั่น เอง แต่ ที่สังคมวุ่นวายนั้น เมื่อพิจารณาให้ดีจะเห็นว่าได้ทำตรงกันข้ามกับสิ่งที่ผู้เขียนได้เล่ามา โดยเฉพาะการเล่าความไม่ดีของผู้อื่นแล้วเล่าความดีของตน ซึ่งการเล่านั้นได้ใส่ความรู้สึกลงไปด้วย เช่นความไม่ดีของผู้อื่นก็พูดเกินจริง ความดีของตนก็เล่าให้ผู้อื่นฟังเกินจริง ซึ่งผู้เขียนเองตระหนักถึงสิ่งที่ผู้เขียนจะเล่า ไม่ว่าจะเป็นการเล่าเรื่องดีหรือไม่ดีจะต้องไม่เกินความจริงหรือถ้าจะมีต้อง พิจจารณาให้น้อยที่สุด มิเช่นนั้นผู้เขียนจะกลายเป็นต้นเหตุแห่งความไม่สงบเสียเอง สิ่งที่ยากจึงอยู่ที่ความกล้าหาญและอดทนในการยอมรับความจริงที่ตนได้ทำไป แล้ว แต่ต้องคิดในมุมกลับว่าตอนทำยังทำได้ตอนรับก็ต้องยอมรับได้ ถ้าไม่อย่างรับผิดก็ไม่ต้องทำผิดโนเจตนานั้นนั่นเอง

วันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

แนะวิธีลดความเห็นแก่ตัว ปรัชญาความสุขจากประสบการณ์


ตั้งแต่เด็กแต่เล็ก สิ่งที่คิดยึดจนติดเป็นนิสัย เป็นสันดาร ก็คือ "ตัวของเรา"  "ของของเรา"  ถ้าจะรวบยอดความคิดนี้ทั้งหมดก็คือ ความคิดที่ว่า ".....ของเรา"

ความเห็นแก่ตัว โดยพื้นฐานก็คือ  "ความคิด หรือ การกระทำต่างๆที่อาศัยความเห็น ความชอบ ความรู้ ความรู้สึก ของตัวเองเป็นพื้นฐาน โดยมิได้ให้ความสำคัญ หรือ เมินเฉยต่อ ความเห็น ความชอบ ความรู้อื่น"

เพราะการรับรู้ตัวตน  สัมผัสตัวตน และ ความคิดของตัวตนได้ดีกว่ารับรู้ตัวตนของผู้อื่น  ความคิดของผู้อื่น   เราจึงให้ความสำคัญกับ   "ความรู้สึก  ประสบการณ์  ความรู้ ที่เราสามารถรับรู้ได้ชัดเจนที่สุดที่เราสามารถจะรับได้เป็นตัวตั้ง"

เพราะ เราไม่ใช่ผู้อื่น  ดังนั้น เราจึงไม่สามารถรับรู้ประสบการณ์ต่างฯทั้งภายนอก และ ภายใน ของผู้ๆนั้นได้   

ดังนั้น เรารับรู้ผู้อื่นได้ก็เพียงแค่ส่วนนึง และ รับรู้ได้ด้วยการเปรียบเทียบ การอนุมาน เอาจากตัวเอง โดยคาดเดาเอาตามประสบการณ์ที่ตัวเองเคยได้รับว่า ไกล้เคียงกับประสบการณ์แบบไหน และ จากประสบการณ์นั้นๆ จะรู้สึกแบบไหน มีความรู้อะไรเกี่ยวกับประสบการณ์นั้นๆบ้าง

และ โลกใบนี้ สรรพสัตว์ต่างมีประสบการณ์เฉพาะตัว   ดังนั้น การคาดเดาประสบการณ์ผู้อื่น ด้วยประสบการณ์ส่วนตัว ย่อมไม่ตรงกัน 100%  อย่างมากก็แค่ไกล้เคียง

ดังนั้น  ถ้าเราต้องการจะเป็นผู้ฉลาด ไม่ตกอยู่ในประสบการณ์เฉพาะตัว  เราก็ต้องเป็น "ผู้ให้และผู้รับในเวลาเดียวกัน ณ เหตุการณ์ช่วงขณะหนึงเดียวกัน"

ทำให้ เรามีประสบการณ์ของการเป็นผู้ให้ และ ผู้รับพร้อมกัน คือ มีทั้งความรู้สึกของผู้ให้ และ ความรู้สึกของผู้รับ ณ เวลาเดียวกัน และ เหตุการณ์ช่วงขณะหนึ่งเดียวกัน

คือ ขณะ ที่เรามีจิตเป็นผู้ให้ เรา ก็มีจิตเป็นผู้รับอยู่ภายในขณะนั้น

ดังนั้น  เราจึงควรทำทาน และ รับผลของทานนั้นด้วยจิตภายใน     ว่าง่ายๆ ก็คือ  เจตนาที่จะทำทานเป็นจุดเริ่ม และ การได้บริจาคทาน เป็นผล

เช่น  การจะให้อาหารหมาจรจัด     จุดเริ่มคือ  คิดสงสาร   จุดที่เป็นผลคือ การบริจาคอาหารให้

ไม่ใช่  จุดเริ่มคือ สงสาร  จุดผลคือ ไม่น่าสงสาร  เพราะถ้าทำเช่นนี้  เราจะต้องคอยดูอีกฝ่ายว่ารู้สึกอย่างไร  และ เราจะตีความความรู้สึกของอีกฝ่ายด้วยประสบการณ์ส่วนตัวที่เรามีๆมาว่าคล้ายกันตรงไหนมั่ง และ จะทำให้รู้สึกอย่างไรมั่ง  เช่นเรื่อง เห็นหมาหิวสงสาร พอเห็นอิ่ม ความสงสารก็หมดไป เพราะ เอาประสบการณ์ตัวเองตอนอิ่ม มาตีความ

ดังนั้น เราจึงควรบริจาคทานให้แก่ผู้ที่สมควรให้ เช่นผู้อดอยาก ผู้ไร้หนทาง ผู้ทุกข์ยาก และ ให้ทานที่เหมาะสมแก่เขา และอย่าให้ความสำคัญกับประสบการณ์ในการได้รับทานนั้นของผู้รับมากนัก เพราะ เราไม่มีวันเข้าใจความสุขของเขาได้ 100 %

ว่าง่ายๆ ก็คือ    เมื่อเห็นว่า สมควรให้ สมควรช่วย ก็จงช่วย และ จงมีความสุขจากการได้ช่วย  ไม่ใช่หวังได้ความสุขจากการเห็นอีกฝ่ายถูกช่วย

ว่าง่ายๆอีกแบบ ก็คือ  "การมีความสุขในตน และ การเพียงพอแห่งความสุขในตน"

ณ จุดนี้ ความเห็นแก่ตัวย่อมหายไป เพราะ เราไม่ได้ใช้ประสบการณ์ของผู้ให้เป็นพื้นฐานเพียงอย่างเดียว แต่เรา ใช้ประสบการณ์ของผู้รับเป็นพื้นฐานด้วย  

         "จงทำทาน ให้แก่ผู้ที่สมควร และ ความสุขนั้นย่อมมาจาก การได้กระทำการบริจาคทาน "
        
         "ทานในที่นี้ ครอบคลุมไปถึงหลายๆสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นความปรารถนาดี การอวยพร การ         แผ่เมตตา สิ่งของ อาหาร"
         
         "ความสุขจากการให้ทาน ผู้ให้ย่อมจะได้รับอย่างเต็มที่ ผู้ให้ให้ไปเท่าไหร่ ก็ได้รับมาเท่านั้น เพราะ แท้จริง ผู้ให้ ก็คือ ผู้รับ"
            
         "จงอย่าละโมบ แม้แต่การให้ความปรารถนาดี หรือ การให้อวยพร การแผ่เมตตา เพราะ ผู้ที่ละโมบย่อมจะไม่ได้รับความสุขเพราะ เขาไม่ได้เป็นทั้งผู้ให้ และ ไม่ได้เป็นทั้งผู้รับ เขาเป็นเพียงแค่ ผู้อดอยาก ที่ได้แต่รอที่จะเป็นผู้รับ ถึงแม้ท้องเขาจะอิ่ม กายจะอบอุ่น แต่ใจเขานั้นหิวกระหาย และ หนาวเหน็บ"

วันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

1 นาทีแนะวิธีเรียนเก่ง

ในการเรียนให้เก่งนั้น ต้องอาศัยทักษะต่างๆ และหมั่นฝึกฝน อดทนและขยันอยู่เสมอ ซึ่งขั้นตอนในการปฏิบัติและวางแผนในการเรียนให้เราเรียนเก่งๆนั้น มีขั้นตอนดังนี้
1. การเตรียมตัวก่อนไปโรงเรียน
ข้อคิดนี้สำคัญ และมองข้ามไม่ได้ค่ะ เราต้องรู้จักประมาณตนในการเข้านอนค่ะ โดยปกติแล้วคนที่หลังจากเลิกเรียนแล้ว เรียนพิเศษโดยเฉลี่ยประมาณชั่วโมงครึ่ง กลับบ้านมากินข้าว อาบน้ำ ทำการบ้าน และอ่านหนังสือทบทวน ไม่น่าจะเข้านอนเกิน 5 ทุ่มนะคะ

สาเหตุที่เราเข้านอนเกินเวลา
- เลิกเรียนแล้วเที่ยวเตร่ไม่รีบกลับบ้าน
มัวแต่เล่นเกมส์ หรืออ่านหนังสือการ์ตูน ซึ่งถ้าทำเพื่อคลายเครียดก็ไม่ควรเกินครึ่งชั่วโมง และไม่ควรทำทุกวัน เพราะจะทำให้เราติดเป็นนิสัย
เล่น msn เพื่อแชตในเรื่องไร้สาระ จะทำให้เราไม่ดูเวลา ติดเป็นนิสัย
ดูละครไป ทำการบ้านไป
การบ้านค้างไว้นานๆ แล้วมารีบทำเมื่อถึงวันที่จะส่งแล้ว
เมื่อเราหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ได้ ก็ขอให้เข้านอนให้ตรงเวลาทุกวันจะได้เกิดความเคยชิน และเมื่อตื่นขึ้นมาตอนเช้า ห้ามหลับต่อ และอย่าลืมรับประทานอาหารเช้าก่อนไปโรงเรียนนะคะ

2. จุดประกายในห้องเรียน
- พยายามเลือกที่นั่งด้านหน้า ใกล้ครูให้มากที่สุด
ถ้าเลือกที่นั่งไม่ได้ จำเป็นต้องนั่งข้างหลัง ก็ห้ามปรามเพื่อนรอบข้าง อย่าให้เขาชวนคุย เพราะจะรบกวนสมาธิ
ถ้านั่งริมหน้าต่าง ริมประตู อย่าไปสนใจสิ่งรอบข้าง
ไม่ต้องกลัวเวลาอาจารย์ถาม ถ้าเราตั้งใจเรียนและเตรียมตัวมาดี จะทำให้เรามีความมั่นใจเวลาอาจารย์ถามคำถาม
เมื่อมีข้อสงสัยให้รีบยกมือถามอาจารย์ทันที ไม่ต้องกลัวอายเพื่อน อย่าลืมค่ะ "ด้านได้อายอด"ค่ะ

 3. หูฟัง ตามอง มือเขียน
- มีสมาธิในการฟัง
มองสิ่งที่อาจารย์เขียนให้ดูบนกระดาน แล้วรีบจดลงไปในสมุด
ไม่ควรฟังไป เขียนไป จะทำให้เราพลาดเนื้อหาที่สำคัญๆ เราควรฟังให้เข้าใจก่อนแล้วค่อยบันทึก

4. ชั่วโมงต่อไป ทำไงดี
- อย่าเพิ่งรีบเก็บสมุดบันทึกก่อนค่ะ ให้จดหัวข้อว่าวันนี้เรียนอะไรในสมุดอีกเล่ม เพื่อจะได้กลับไปทบทวนที่บ้าน
จดโน้ตคำถามสั้นๆไว้ในส่วนที่เรายังไม่เข้าใจ คาบต่อไปจะได้ไม่ลืมถามอาจารย์
ลืมความเครียด ความกังวลในคาบก่อนหน้านั้นให้หมดสิ้น

5. จุดประสงค์การเรียนรู้ หลักสูตร หรือโครงสร้างเนื้อหา มีความสำคัญ
ถ้าเรารู้จุดประสงค์การเรียนรู้ของวิชานั้นๆ จะทำให้เรามีทิศทางในการเรียน เปรียบเสมือนแผนที่ที่คอยบอกว่า เราควรเดินไปในทิศทางไหนค่ะ และมีส่วนสำคัญให้เราเลือกซื้อหนังสือไว้อ่านเพิ่มเติมด้วย

6. จับประเด็น
ฟังอาจารย์ให้ดีๆ ตรงไหนอาจารย์เน้นคำ โดยใช้คำพูดที่หนักแน่นขึ้น
ตรงไหนอาจารย์พูดซ้ำ 2 รอบ
หัวข้อที่อาจารย์พูดถึงว่า ออกสอบบ่อยๆ
แนวแบบฝึกหัดที่อาจารย์ให้มาก็บอกใบ้แนวข้อสอบค่ะ

7. สังเกตสไตล์การสอน
- ถ้าอาจารย์ชอบให้ซักถาม ก็เตรียมคำถามไว้ถามล่วงหน้า
ถ้าอาจารย์ชอบสอนไปเรื่อยๆ ไม่สนใจว่านักเรียนตามทันหรือไม่ ก็ไม่ควรขัดจังหวะ โดยการถามคำถามอาจารย์ก่อน ให้จับประเด็นที่อาจารย์เน้นเอาเอง และค่อยถามอาจารย์นอกเวลา
ถ้าอาจารย์บรรยายน่าเบื่อ ฟังแล้วง่วงนอน ให้ปรับเปลี่ยนความคิดใหม่ว่า เป็นการฝึกให้นักเรียนเป็นนักจับประเด็น และเป็นการฝึกความอดทนไปในตัว พยายามท้าทายตัวเองว่า ต้องเป็นคนช่างสังเกตให้ได้ เหมือนกำลังเล่นเกมนักสืบ
อย่ามีอคติกับผู้สอน เพราะจะทำให้การเรียนน่าเบื่อ ซึ่งมีผลต่อคะแนน ความตั้งใจ และความเข้าใจตลอดเทอม

8. เรียนอย่างเข้าใจ หาใช่เพื่อสอบผ่าน
ฟังดูอาจเป็นผลดีที่ขยันเรียนอย่างเอาจริงเอาจัง แต่ความเป็นจริงแล้ว เมื่อสอบผ่านวิชานั้น ก็เป็นอันว่าหน้าที่นั้นสิ้นสุดลงแล้ว ไม่จำเป็นต้องเข้าใจเนื้อหานั้นอีกต่อไป ถ้าต้องเรียนเนื้อหาที่เกี่ยวข้องค่อยไปรื้อฟื้อความเข้าใจเพื่อการสอบออกมาใหม่ นี่เป็นความคิดที่ผิดค่ะ
ความเข้าใจอย่างแตกฉาน จะมีประโยชน์ต่ออนาคต ต่อการดำรงชีพ ถ้าคิดแบบนี้ จะทำให้สามารถอธิบายวิเคราะห์ สรุปเนื้อหาได้อย่างแม่นยำ

เพราะฉะนั้น การเรียนไม่ใช่การท่องจำเพื่อการสอบอย่างเดียว

วันพุธที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

วิธการบำรุงผม

19 วิธีดูแลผมที่คุณรัก (Lisa)

ผมของคุณก็เหมือนหุ้นส่วนหัวใจ ถ้าผมเสียไป คนที่เสียใจคือคุณ

          ผมนุ่มสลวย มีน้ำหนัก เป็นเงางาม เป็นที่ปรารถนาของผู้หญิงทุกคน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพเส้นผมของแต่ละคน นอกจากนี้ การดูแลผมที่ผิดวิธีก็ทำให้ผมเสีย จัดทรงยาก ดูไม่มีชีวิตชีวา โดยเฉพาะผู้ที่มีผมเส้นเล็ก มักจะมีปัญหาในการจัดแต่งทรงผมยากเป็นพิเศษ จนกลายเป็นความกังวล

          ต่อไปนี้คุณไม่ต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว เพราะมีผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมชนิดต่างๆ ให้คุณเลือกมากมาย คงมีบางชนิดที่เหมาะกับลักษณะเส้นผมของคุณ นอกจากนี้ เรายังมีเคล็ด (ไม่ลับ) มากระซิบบอกคุณถึงวิธีดูแลจัดแต่งทรงผม โดยเฉพาะสำหรับผมเส้นเล็ก เพื่อคุณจะได้มีทรงผมสวยอย่างที่คุณใฝ่ฝันมานาน แล้วคุณจะตะลึงกับความสวยของคุณ หลังจากที่ได้ทดลองทำตามข้อแนะนำทุกข้อต่อไปนี้

1 ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม

          ผมเส้นเล็กบาง ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเคราติน คาราไมล์ หรือแพนทีนอล เพื่อปกป้องเส้นผมให้รอดพ้นจากการทำลายของสายลม แสงแดด และช่วยให้ผมดูหนาขึ้น

2 เปลี่ยนผมแสกข้าง
          ถ้าคุณแคยแต่แสกผมอยู่ข้างเดียวมาตลอด จะทำให้ทรงผมแบนราบอยู่ด้านเดียว ทดลองเปลี่ยนผมแสกข้างมาอีกด้านหนึ่งบ้างจะทำให้ผมดูหนาและได้รูปทรงดีขึ้น ช่วยหนีความจำเจได้อีกด้วย

3 แชมพูช่วยขจัดสารเคมีที่ตกค้าง

          หากใช้ยาสระผมจำพวก แคลริฟายอิง แชมพู (Clarifing Shampoo) จะทำให้ผมเส้นเล็กดูหนาและจัดทรงง่ายขึ้น คุณควรสระผมด้วย แคลริฟายอิง แชมพู อาทิตย์ละหนึ่งครั้ง เพื่อชำระล้างสารเคมีที่ตกค้างบนเส้นผม ปรับสภาพสู่สมดุลตามธรรมชาติ

4 ผมแห้ง
          ไม่ควรใส่ทรีตเมนต์ขณะที่ผมยังเปียกอยู่เพราะจะไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร ให้ไดร์ผมเป็นรูปกากบาทจนเกือบแห้ง แล้วจึงนวดผมด้วยโฟมแต่งผม จากนั้นไดร์ให้แห้ง

5 ผลิตภัณฑ์ ทู อิน วัน

          ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ประเภท ทู อิน วัน เพราะจะมีสารตกค้างติดเส้นผมทุกครั้งที่สระ จะทำให้ผมเกาะติดกันและยากต่อการจัดทรงผม

6 การฉีดสเปรย์

          เมื่อทำผมเสร็จ ให้ฉีดสเปรย์จากล่างขึ้นบน สำหรับผู้ที่มีผมยาวไม่ควรฉีดสเปรย์บนศีรษะ แต่ให้ฉีดจากด้านข้างและด้านล่างขึ้นมา จะทำให้ผมได้ทรงสวย

7 ใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมเพียงเล็กน้อย

          โดยปกติ คนที่มีผมเส้นเล็กมักใช้แวกซ์ เจล หรือบาล์ม แต่จริงๆ แล้วผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่เหมาะกับผมเส้นเล็ก เพราะจะทำให้ผมแข็งทื่อและหยาบ นอกจากนี้ เมื่อคุณออกไปเจอสายลม แสงแดด น้ำยาแต่งผมจะเกาะกันเป็นก้อน ลองเปลี่ยนมาใช้สเปรย์จัดแต่งทรงผมในระหว่างไดร์ผม โดยฉีดจากล่างขึ้นบนทีละช่อและไดร์ให้แห้ง ผมจะนุ่มสลวยได้รูปทรงดี

8 สระผมทุกวัน

          ผมเส้นเล็กมักจะมีปัญหาผมมันเร็ว จึงควรสระผมทุกวันด้วยโวลุ่ม แชมพู (Volume Shampoo) โดยไม่ต้องใช้ครีมนวดผม เพื่อทำให้ผมมีน้ำหนักและหนาขึ้น

9 การดูแลผมเส้นเล็กแบบง่ายๆ

          โดยทั่วๆ ไป วิธีการดูแลรักษาผมเส้นเล็กบอบบางมักจะยุ่งยากโดยไม่จำเป็น ผลิตภัณฑ์พิเศษในการดูแลรักษาผมเส้นเล็กก็คือ ผลิตภัณฑ์ที่มีโวลุ่มเพียงเล็กน้อยก็ช่วยทำให้เส้นผมแข็งแรงเพียงพอ

10 ทำทรงผมให้มีชีวิตชีวา

          ฉีดผมให้ชื้น จากนั้นนวดผมด้วยครีมจัดแต่งทรงผมหรือโฟมเล็กน้อย และปล่อยให้แห้งเอง

11 ทำผมให้ตัวเอง

          ผู้ที่มีผมยาวและเหยียดตรง หากมัดผมให้สูงเป็นหางม้าทิ้งไว้ทั้งคืน รุ่งขึ้นคุณจะมีผมทรงใหม่อีกสไตส์หนึ่ง ประหยัดทั้งเงินและเวลาเข้าร้านทำผม

12 เครื่องไดร์ผม

          การไดร์ผมอย่างถูกวิธีจะทำให้สวยได้นานหลายชั่วโมง เพราะว่ารูเล็กๆ ของเครื่องไดร์ผม จะเป่าตรงโคนผมได้ ทำให้ทรงผมอยู่ตัว

13 ผมเย็น

          หลังจากที่ไดร์ผมเสร็จแล้ว ควรปล่อยให้ผมเย็นลงทุกครั้งก่อนที่จะแต่งทรงผม เพราะจะทำให้ผมดูหนาและอยู่ทรงได้นาน ไม่ทำลายสภาพผมด้วย

14 โรลม้วนผมจัมโบ้

          สำหรับผู้ที่ไว้ผมยาวหรือมีความยาวระดับไหล่ ให้ไดร์ผมจนเกือบแห้ง จากนั้นฉีดโวลุ่มสเปรย์(Volume Spray) ให้ชื้นแล้วจึงม้วนผมด้วยโรลจัมโบ้ (อย่าม้วนผมลดหลั่นกัน แต่ให้ม้วนไปรอบๆ) จากนั้น ไดร์ผมและปล่อยให้เย็นลง ก็จะได้ผมสวยตามต้องการ

15 การทำให้ผมไม่แบนราบ

          เทคนิคการตัดผมเพื่อหนุนให้ผมได้ทรงตามต้องการและแลดูหนา สำหรับผมที่ไม่มีน้ำหนักและยาวแค่คาง ให้แบ่งผมบนศีรษะและตัดผมบริเวณโคนผม สัก 2-3 ซ.ม. ให้เป็นรูปสามเหลี่ยมเล็กๆ จะช่วยให้จัดผมได้รูปทรงสวยและไม่แบนราบ

16 เทคนิคสำหรับผมสั้น

          นวดผมด้วยน้ำยาจัดแต่งทรงผม แล้วจึงหนีบผมด้วยที่หนีบและไดร์ผมที่โคน จากนั้นปล่อยให้เย็นลง ดึงที่หนีบออก และเอานิ้วยีผมให้เป็นทรง

17 แปรง

          ก่อนที่ผมจะแห้ง ให้ไดร์ผมโดยใช้แปรงกลม หวีเข้าด้านในบ้าง ด้านนอกบ้างสลับกันไป แล้วจึงฉีดสเปรย์

18 การไดร์ผม
          ไม่ควรไดร์ผมทันทีหลังสระ แต่เช็ดผมพอหมาดด้วยผ้าขนหนูก่อน จากนั้นฉีดโวลุ่มสเปรย์ที่โคนผมแล้วจึงไดร์ผมทั้งศีรษะโดยใช้มือช่วย

19 ผมอยู่ทรง
          แบ่งผมแล้วจับยกให้สูง จากนั้นฉีดสเปรย์ที่โคนผมและไดร์ให้แห้งแล้วปล่อยให้ผมเย็นลง วิธีนี้จะทำให้ผมอยู่ทรงและดูหนาขึ้น

วันอังคารที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

วิธีลดหน้าท้อง


1. ลดหน้าท้องของผู้หญิง



2. สูตรอาหารลดหน้าท้อง



3. โยคะลดหน้าท้อง



4. ลดหน้าท้องดาวน 45 นาที



6 สูตร รักษารอยแผลเป็นจากสิว

สูตร! รักษารอยแผลเป็นจากสิว

          วันนี้เรามีสูตรรักษารอยแผลเป็นจากสิว เพราะเรารู้ดีว่ารอยแผลเป็นจากสิวใครมีก็ไม่อยากเห็น ใครเห็นก็ไม่อยากมีจริงไหมค่ะ ฉะนั้นคุณคงจะได้ไม่ต้องเห็นรอยแผลเป็นจากสิวของคุณอีกต่อไปก็คราวนี้ เมื่อนคุณมาเจอกับ สูตร! รักษารอยแผลเป็นจากสิว ของเราในวันนี้ซึ่งมาจากสารสกัดจากธรรมชาติอีกด้วย และจะช่วยให้คุณผู้หญิงได้ รักษารอยแผลเป็นจากสิว ได้อย่างอ่อนโยนและเป็นสูตรรักษารอยแผลเป็นจากสิวแบบธรรมชาติที่ง่ายๆ อีกด้วยค่ะ พูดมาขนาดนี้ไม่ลองคงจะไม่รู้แต่ถ้าอยากรู้คงต้องลอง การรักษารอยแผลเป็นจากสิว ไม่ใช่เรื่องยากหากแต่รู้จักวิธีที่ถูกต้องในการรักษารอยแผลเป็นจากสิวเท่านั้น ขอเพิ่มเติมอีกนิดหากว่าคุณใช้สูตรรักษารอยแผลเป็นจากสิวสูตรนี้ควบคู่ไปกับครีมหรือการรักษาต่างๆ ด้วยล่ะก็จะยิ่งได้ผลมากยิ่งขึ้นค่ะ
รักษารอยแผลเป็นจากสิว


สูตร รักษารอยแผลเป็นจากสิว

1.น้ำสะอาด นอกจากจะใช้ล้างหน้าให้สะอาดป้องกันสิวชุดถัดไปแล้ว การดื่มน้ำเยอะๆ ก็ช่วยทำให้แผลเป็นจากสิวหายได้เพราะน้ำเป็นส่วนประกอบสำคัญของร่างกาย ถ้าหากได้รับในปริมาณที่พอเหมาะแล้วก็จะสามารถไปเติมเต็มและซ่อมแซมร่องรอยแผลเป็นต่างๆ ได้

2.น้ำมะนาว บีบน้ำมะนาวสัก 1-2 หยด แต้มลงบริเวณที่เป็นสิวด้วยคอตตอนบัด จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาทีแล้วล้างออก มะนาวจะช่วยทำให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วหลุดลอกออกมาจากบริเวณจุดด่างดำได้ แต่ถ้าใครผิวไม่แพ้ง่ายล่ะก็สามารถแต้มสิวทิ้งไว้ทั้งคืนเลยค่ะ

3.มะเขือเทศ ฝานมะเขือเทศเป็นชิ้นบางๆ แล้วนำมาวางบริเวณที่เป็นแผลเป็นวิตามินซีจากมะเขือเทศจะช่วยสมานรอยแผลเป็นได้เป็นอย่างดี

4.สูตรพอกหน้าทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นสูตรมะนาวน้ำผึ้ง น้ำนมโยเกิร์ต หรือผลไม้ต่างๆ ก็แล้วแต่ ขอให้คุณพอกหน้าเป็นประจำคุณค่าจากธรรมชาติเหล่านี้จะช่วยลดปัญหาเรื่องผิวทุกชนิดเลยล่ะค่ะ

5.น้ำผึ้ง นำน้ำผึ้งมาทาให้ทั่วใบหน้าแล้วทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที น้ำผึ้งจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นในผิวและทำให้ผิวดูนวลเนียนขึ้น

6.น้ำมันลาเวนเดอร์ ใช้น้ำมันลาเวนเดอร์แต้มบนแผลเป็นจากสิววันละ 2 ครั้ง ทุกวันจะช่วยทำให้แผลเป็นจากสิวจางลงได้ค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก lisa ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต

วิธีการดูแลผิวหน้ามันโดยนิติพล


1. วิธีการมาค์หน้า



2.การดูแลใบหน้าในหน้านาว



3. หน้าใส่ด้วยวิธีง่ายๆ




วันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

วิธีทำให้ีักแร้ขาว


วิธีแก้รักแร้ดํา แก้รักแร้ดํา วิธี แก้ รักแร้ดํา


     ปัญหารักแร้ดำเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่สาวๆมากมายกังวนวันนี้เราเลยเอาวิธีแก้รักแร้ดําแก้รักแร้ดําวิธีแก้รักแร้ดํามานำเสนอให้ทุกคนลองเอาไปใช้กันดูเอ่หละมาดูกันเลยว่าวิธีแก้รักแร้ดําแก้รักแร้ดําวิธีแก้รักแร้ดํานั้นเค้าทำกันอย่างไรอย่างแรกเลยให้คุณหลีกเลี่ยงการเช็ดถูแรงๆบริเวณผิวใต้วงแขนที่บอบบาง–หยุดใช้สารเคมีที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือแพ้ทันทีเช่นหากแพ้น้ำหอม ควรเปลี่ยนไปใช้โรลออนชนิดที่ไม่มีสารสร้างกลิ่นหอมที่ระบุว่า “Fragrance-Free” โดยสังเกตส่วนประกอบสำคัญบนฉลากหากมีชื่อสารที่แพ้ควรหลีกเลี่ยงไปใช้ยาระงับกลิ่นแบบอื่นแทนถ้าดำมากหรืออาการไม่ดีขึ้นให้ปรึกษาแพทย์ทันที่เช่นในกรณีที่รักแร้ดำและนูนเหมือนกำมะหยี่ซึ่งมักพบในคนเป็นโรคเบาหวาน หรือโรคจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Erythrasma เป็นต้น

อวดวงแขนขาวได้ด้วย “มะขาม”

วันนี้มีวิธีดูแลสุขภาพผิวใต้วงแขนมาฝากเพื่อนๆค่ะ หลังจากที่ได้กลิ่นกายหอมสดชื่นน่าเข้าใกล้แล้ว ก็อย่าลืมบำรุงรักษาผิวใต้วงแขนให้ขาวใสพร้อมเผยโชว์ และวิธีง่ายๆ ทำกันได้ทุกบ้านก็คือ รักแร้ขาวด้วยมะขาม
        ถ้าพร้อมกันแล้วก็เตรียมหามะขามกับน้ำผึ้งมาได้เลยค่ะ เพียงแค่ใช้มะขามเปียกที่ซื้อจากตลาดสัก 1 กำผสมน้ำผึ้งเล็กน้อย มาทาใต้วงแขนทิ้งไว้ประมาณ 5 – 10 นาที แล้วล้างออก สัปดาห์ละ 2 ครั้ง เป็นประจำ เท่านี้คุณก็จะได้รักแร้ขาวเนียนพร้อมอวดโฉมมาไว้กับตัวแล้วล่ะค่ะ
วิธีแก้รักแร้ดํา แก้รักแร้ดํา วิธี แก้ รักแร้ดํา แบบแนวทางธรรมชาติ ใช้สูตรสมุนไพรธรรมชาติ เพื่อช่วยให้ใต้ วงแขนขาวเนียน
         - มะขามพืชพื้นบ้านที่เรารู้จักกันดีโดยนำ มะขามเปียกผสมกับน้ำผึ้งนิดหน่อยมาทาทิ้งไว้ 5 นาที แล้วล้างออกนอกจากทำให้ผิวขาวใสแล้ว ยังช่วยให้ผิวเนียนนุ่มได้อีกด้วย
         - มะนาวที่เหลือจากก้นครัว ใช้มะนาวเอามาถูรักแร้ทิ้งไว้ 2-3 นาที จึงล้างน้ำออกส่วนที่เหลือของมะนาวยังใช้ถูตามข้อพับ หัวเข่า ข้อศอกที่ดำๆ ได้อีกด้วย
         - เกลือสปา ใช้เกลือขัดผิวถูเบาๆ เน้นว่าเบาๆนะคะ ไม่เช่นนั้นเกลืออาจจะบาดรักแร้เอาได้
Tag : วิธีแก้รักแร้ดํา : วิธีทําให้รักแร้เรียบเนียน : วิธีแก้รักแร้ดำ : รักแร้ดำ : วิธี แก้ รักแร้ ดำ ใหม่ : วิธี ทำให้ รักแร้ เรียบ เนียน : วิธี ทํา ให้ รักแร้ ขาว ด้วย สมุนไพร : วิธีรักษารักแร้ดํา : วิธีรักษารักแร้ดําแบบธรรมชาติ : แก้รักแร้ดํา : วิธีรักษารักแร้ให้ขาว : วิธีรักษารักแร้ดำ : รักแร้ดํา : รักแร้เรียบเนียน : วิธีทำให้รักแร้เรียบเนียน : วิธี ทํา ให้ รักแร้ ขาว เรียบ เนียน : วิธีทําให้ใต้วงแขนขาวเรียบเนียน : สมุนไพรรักษารักแร้ดำ : สูตรรักแร้ขาวเนียน pantip : สมุนไพรรักษารักแร้ดํา :